“พาณิชย์” เรียกทูตพาณิชย์ทั่วโลกกลับไทย ระดมสมองประเมินสถานการณ์และแนวโน้มการส่งออก ก่อนปรับแผนทำงานใหม่เข็นยอดให้เข้าเป้า 4% “ฉัตรชัย” นัดมอบนโยบาย 16 มี.ค.นี้ ยันคงเป้าไว้เพื่อทำงาน พร้อมจัดเอ็กซ์พอร์ตคลินิก ให้ SMEs ขอรับคำปรึกษาจากทูตพาณิชย์ทุกภูมิภาคแบบตัวต่อตัว และจัดกิจกรรมเจาะลึกตลาดยุโรปเป็นพิเศษด้วย
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า ขณะนี้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้เรียกผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) ที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก เดินทางกลับมายังประเทศไทย เพื่อร่วมหารือและประเมินสถานการณ์การส่งออกสินค้าไทยในช่วงที่ผ่านมา และแนวโน้มการส่งออกจากนี้ไปว่าจะต้องมีการปรับปรุงแผนงาน ปรับปรุงกิจกรรมอะไรเพิ่มเติม เพื่อผลักดันการส่งออกสินค้าไทยในปี 2558 เติบโตตามเป้าหมายการทำงานที่ตั้งไว้ที่ 4%
ทั้งนี้ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ยืนยันไว้ก่อนหน้านี้จะไม่มีการปรับลดเป้าหมายการส่งออกที่ 4% แม้หลายหน่วยงาน รวมทั้งภาคเอกชนเห็นว่าเป็นไปได้ยาก โดยกระทรวงพาณิชย์อยากให้คงไว้เป็นเป้าในการทำงาน
“รมว.พาณิชย์จะมอบนโยบายการทำงานให้แก่ทูตพาณิชย์ในวันที่ 16 มี.ค.นี้ ซึ่งจะเน้นให้ทูตพาณิชย์ปรับแผนการทำงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์มากขึ้น และให้เน้นการทำงานตามยุทธศาสตร์การส่งออกที่มุ่งเน้นการบุกเจาะตลาดเป็นรายสินค้าและรายประเทศ เพื่อผลักดันการส่งออกให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น” รายงานข่าวระบุ
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ในระหว่างการเดินทางมาของทูตพาณิชย์ จะมีการจัดโครงการเอ็กซ์พอร์ตคลินิก เพื่อให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ที่สนใจจะทำการส่งออกไปยังตลาดต่างๆ เช่น อาเซียน จีน อินเดีย ญี่ปุ่น สหรัฐฯ ตะวันออกกลาง แอฟริกา ละตินอเมริกา ยุโรป ยุโรปตะวันออก รัสเซีย และซีไอเอส เป็นต้น ได้มีโอกาสพบปะหารือและขอรับคำปรึกษากับทูตพาณิชย์โดยตรง ว่าหากต้องการที่จะส่งออกไปยังตลาดนั้นๆ มีขั้นตอน วิธีการ และช่องทาง รวมไปถึงกลยุทธ์และเทคนิคในการส่งออกอย่างไร โดยกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 13 มี.ค. 2558
นอกจากนี้ จะมีการจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อให้ข้อมูลและช่องทางการบุกเจาะตลาดยุโรปเป็นการเฉพาะ โดยจะมีการเชิญผู้เชี่ยวชาญและผู้ที่ประสบความสำเร็จในการทำตลาดยุโรปมาให้ข้อมูลแก่ผู้ประกอบการที่สนใจในลักษณะพี่ช่วยน้อง เช่น การใช้ประโยชน์จากกลุ่มประเทศ V4 ได้แก่ เช็ก ฮังการี โปแลนด์ สโลวาเกีย ในการบุกเจาะเข้าสู่ตลาดยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก และยังจะจัดให้มีการเจรจาจับคู่ธุรกิจ (บิสิเนส แมชชิ่ง) ระหว่างผู้นำเข้าจากกลุ่ม V4 กับผู้ส่งออกไทยในกลุ่มสินค้าอาหาร เฟอร์นิเจอร์ แฟชั่น เครื่องหนัง เครื่องใช้ไฟฟ้า ยางพารา เป็นต้น ด้วย