“ฉัตรชัย” สั่งพาณิชย์จังหวัดตรวจตลาด คุมเข้มราคาสินค้า ป้องกันการฉวยโอกาสจนกระทบค่าครองชีพประชาชน ยันการย้ายด่วนพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่เพื่อให้มาช่วยงานด้านการค้าชายแดน ลั่นไม่เสียใจโพลให้อยู่รั้งท้ายผลงานด้านเศรษฐกิจ ขอลุยทำงานต่อ เตรียมนำทีมโรดโชว์อินเดีย ขยายการค้า การลงทุน แย้มข่าวดีฮ่องกงสนซื้อทุเรียน 700 ตู้
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการมอบนโยบายการทำงานให้แก่ข้าราชการที่ทำงานในส่วนภูมิภาคว่า ได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัด ค้าภายในจังหวัดทั่วประเทศ ทำงานตามยุทธศาสตร์กระทรวงพาณิชย์ที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะในเรื่องการดูแลค่าครองชีพให้แก่ประชาชน ขอให้ดำเนินการกำกับดูแลราคาสินค้า ออกตรวจตราภาวะสินค้า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบเกิดขึ้นจนกระทบต่อค่าครองชีพ
ทั้งนี้ ยังได้ขอให้มีการทำงานใกล้ชิดกับเกษตรจังหวัด เพื่อประสานงานและร่วมมือกันในการดูแลสินค้าเกษตรเชิงรุก เพื่อให้รู้ข้อมูลปัญหาล่วงหน้า และจะได้แก้ไขหรือรับมือได้อย่างทันท่วงที
ส่วนการมีคำสั่งโยกย้ายนายไพโรจน์ กุลละวณิชย์ พาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ เป็นการให้มาช่วยงานราชการในส่วนกลาง ให้มาดูแลนโยบายการค้าชายแดน เพราะในส่วนกลางขาดคนที่จะผลักดันในเรื่องนี้ แต่ไม่ได้มีตำแหน่งให้เพราะยังคงเป็นพาณิชย์จังหวัดอยู่
พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวถึงกรณีกรุงเทพโพลได้สำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์เรื่องผลงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล และตนอยู่ในอันดับสุดท้ายว่า ตั้งแต่เข้ามาทำงานที่กระทรวงพาณิชย์ได้เดินหน้าวางยุทธศาสตร์การทำงาน วางรากฐานเพื่อเดินไปข้างหน้า และได้ทำงานร่วมกับข้าราชการอย่างเต็มที่ และในฐานะที่เป็นทหาร โพลที่ออกมาเห็นเป็นเรื่องปกติ เพราะส่วนใหญ่แล้วทหารทำงานแบบปิดทองหลังพระ ซึ่งจะยังคงเดินหน้าและตั้งใจทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนต่อไป
“ไม่ได้รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้เป็นที่รู้จักของประชาชน โพลเขาไปถามนักวิชาการ ถ้าถามประชาชนน่าจะรู้ว่ากระทรวงพาณิชย์ได้ทำงานดูแลค่าครองชีพเป็นอย่างดี โดยเฉพาะการดูแลราคาสินค้า และที่ผ่านมาได้ทำงานอย่างเต็มที่แล้ว”
พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า ระหว่างวันที่ 24-27 ก.พ. 2558 กระทรวงพาณิชย์จะร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และภาคเอกชนไทยเดินทางไปโรดโชว์ที่ประเทศอินเดีย โดยจะมีการพบปะกับนักธุรกิจอินเดียรายใหญ่ประมาณ 200 ราย และจะมีการเจรจาจับคู่ทางธุรกิจ รวมทั้งเป็นสักขีพยานลงนามในเอ็มโอยู 6 ฉบับ ได้แก่ การร่วมมือระหว่างหอการค้า จ.สุราษฎร์ธานี กับเมืองสุราต รัฐคุชราต การลงนามสร้างท่าเรือ การร่วมทำธุรกิจกล้วยไม้ เครื่องปรุงรส และการขยายสาขาของธุรกิจไก่ย่าง 5 ดาว
นอกจากนี้ จะหารือกับ รมว.พาณิชย์ของอินเดียเกี่ยวกับความคืบหน้าการเจรจาข้อตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-อินเดียที่ยังค้างอยู่ด้วย
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดได้รับแจ้งจากทางห้างวอลล์มาร์ทของฮ่องกงว่า ระหว่างวันที่ 15-18 มี.ค. 2558 ห้างจะส่งทีมเจรจามาเลือกซื้อทุเรียนไทย หลังจากที่ได้แสดงความสนใจซื้อเพื่อนำไปจำหน่ายในห้างในปีนี้จำนวน 700 ตู้ เพิ่มจากปีที่แล้วที่ซื้อไป 200 ตู้ และยังแสดงความสนใจที่จะซื้อผลไม้ชนิดอื่นๆ เช่น มะม่วง มังคุด และแก้วมังกร เป็นต้น ด้วย
