น่าน - ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดินยกคณะตามดูโครงการปิดทองหลังพระฯ 3 อำเภอเมืองน่าน พบทุกโครงการประหยัดงบ-ใช้แรงงานท้องถิ่น สร้างสำนึกความเป็นเจ้าของทรัพย์สินหน้าหมู่ เชื่อหากรัฐ-ส่วนราชการยึดเป็นแนวทางช่วยประหยัดเงินแผ่นดินได้ 30-35%
ศาสตราจารย์พิเศษ ชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน พร้อมคณะ และนายอุทัย ทองคุ้ม ผู้อำนวยการ สตง.น่าน ได้เข้าศึกษาดูงานโครงการปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ อ.ท่าวังผา, อ.ปัว และ อ.เชียงกลาง จ.น่าน โดยมี ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิศกุล เลขาธิการมูลนิธิปิดทองหลังพระฯ และนายณรงค์ อภิชัย ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการภาคสนาม มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ, นายธนกร รัชตานนท์ ผู้จัดการสำนักงานโครงการปิดทองหลังพระฯ จ.น่าน ให้การต้อนรับ
โดยคณะฯ ได้ลงพื้นที่ศึกษาดูงานพื้นที่บ้านน้ำป้าก หมู่ 7 ต.ตาลชุม และการซ่อมแซมฝายน้ำ ที่ฝายบ้านพ่อ หมู่ 3 ต.ริม อ.ท่าวังผา, ฝายน้ำบาง ต.วรนคร อ.ปัว, อ่างน้ำเลียบ บ้านดอนแท่น ต.เชียงคาน อ.เชียงกลาง ที่เกิดจากความร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้านในพื้นที่ที่เป็นแรงงานในการซ่อมแซมฝาย และการใช้เงินงบประมาณอย่างคุ้มค่า ส่งผลให้ฝายแต่ละตัวช่วยประหยัดเงินงบประมาณได้มากถึงร้อยละ 35
นายอุทัย ทองคุ้ม ผู้อำนวยการ สตง.น่าน เปิดเผยว่า การซ่อมฝายน้ำริม หรือฝายบ้านพ่อ หมู่ 3 ต.ริม อ.ท่าวังผา ใช้งบซื้อวัสดุประมาณ 8 แสนบาท ค่าแรงประมาณ 2.5 แสนบาท ซึ่งเป็นแรงงานชาวบ้านจำนวน 840 คนที่มาช่วยซ่อมฝาย ถ้าวัดจากประสบการณ์ทำงานตรวจสอบโครงการรัฐในลักษณะนี้เปรียบเทียบกับการจ้างเหมาตามรูปแบบปกติ พบว่าโครงการนี้สามารถช่วยรัฐประหยัดเงินงบประมาณได้มากถึงร้อยละ 60
ด้านศาสตราจารย์พิเศษ ชัยสิทธิ์กล่าวว่า สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินมีหน้าที่ในการตรวจสอบการใช้เงินแผ่นดินและการใช้เงินงบประมาณว่าเกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และความคุ้มค่าสูงสุดด้วยหรือไม่ การลงพื้นที่ศึกษาดูงานร่วมกับมูลนิธิปิดทองหลังพระฯ น่านได้เห็นแนวทางการใช้เงินที่เกิดประโยชน์สูงสุด
“ซึ่งหากโครงการรัฐ โครงการส่วนราชการ ใช้แนวทางแบบนี้จะสามารถประหยัดเงินงบประมาณแผ่นดินได้ร้อยละ 30-35 นอกจากนี้ชาวบ้านยังรู้สึกมีส่วนร่วม เป็นเจ้าของ ช่วยกันดูแลบริหารจัดการ ทำให้รัฐไม่ต้องเสียเงินงบประมาณในการซ่อมบำรุง”
ศาสตราจารย์พิเศษ ชัยสิทธิ์ย้ำว่า หลังจากนี้จะได้นำแนวทางของมูลนิธิปิดทองหลังพระฯ ไปแนะนำหน่วยราชการต่างๆ ได้ใช้งบประมาณให้คุ้มค่า ประหยัด เกิดประโยชน์สูงสุด และให้ สตง.ทั่วทั้งประเทศได้ศึกษาแนวทางนี้ด้วย