จนท.สาวมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง แจ้งจับพ่อแม่ “ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี” หมิ่นสถาบันเบื้องสูง แถมมีพฤติกรรมแอบอ้างเรื่องชู้สาวทั้งที่ไม่เป็นความจริง จนถูกใส่ความฐานว่าฉ้อโกงซ้ำ ศาลสั่งจำคุกเป็นเวลา 2 ปี
วันนี้ (5 ก.พ.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.00 น. น.ส.ศวิตา หรือแสงระวี หรือนก มณีจันทร์ อายุ 31 ปี เจ้าหน้าที่มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง อยู่บ้านเลขที่ 47/2 หมู่ 8 ต.เกาะศาลระ อ.วัดเพลง จ.ราชบุรี พร้อมด้วยนายวิจิตร์ และนางสาลี่ มณีจันทร์ บิดาและมารดา รวมทั้งนายฉลวย สมพงษ์ ตาของ น.ส.ศวิตา เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รักษาการ ผบช.ก. พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาการ ผบก.ป. พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี พ.ต.อ.สรายุทธ สงวนโภคัย รอง ผบก.ป. และ พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อนายอภิรุจ สุวะดี อายุ 72 ปี และนางวันทนีย์ สุวะดี อายุ 66 ปี บิดามารดาของท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดีอยู่บ้านเลขที่ 1 ซอยทวีวัฒนา 22 แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม. ในความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง, ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนได้รับความเสียหายและใช้ให้ผู้อื่นกระทำผิดฐานแจ้งความเพื่อกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญา
น.ส.ศวิตากล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อปี 2546 ขณะนั้นตนอายุเพียง 20 ปี ตาของตนได้รู้จักกับนายอภิรุจ จากนั้นก็ตนถูกกล่าวหาว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับนายอภิรุจทั้งที่ไม่เป็นความจริง หลังจากนั้นก็มีการเรียกตนกับทางครอบครัวไปพูดคุยกรณีที่ครอบครัวตนไปแอบอ้างว่ารู้จักกับครอบครัวนายอภิรุจ จนทำให้ฝ่ายนายอภิรุจได้รับความเสียหาย มีคนเอาไปลือกันว่านายอภิรุจเลี้ยงดูตนในฉันชู้สาวซึ่งไม่เป็นความจริง ตนอยู่กับครอบครัวมาโดยตลอด
น.ส.ศวิตากล่าวอีกว่า แม้จะพยายามอธิบายแต่เขาก็ไม่รับฟังในส่วนนี้เลย ทั้งพ่อแม่ และตาของตนก็ขอร้องนายอภิรุจแล้วว่าขอความเมตตากับเราบ้าง แต่วันนั้นเขากลับให้ตำรวจซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงมาดำเนินคดีตนในข้อหาฉ้อโกง โดยศาลแขวงราชบุรีมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2546 ลงโทษจำคุกตนเป็นเวลา 2 ปี แต่ได้รับการลดหย่อนโทษ เหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน หลังจากออกจากเรือนจำมาอยู่กับครอบครัวกลายเป็นว่าทุกอย่างพังพินาศไปหมด ไม่ว่าจะเป็นพ่อเมื่อก่อนเคยรับเหมาก่อสร้างก็ทำไม่ได้ ต้องระเห็จไปอยู่ที่อื่นกับแม่ น้าเขยและน้าสาวก็อยู่ที่ จ.ราชบุรีไม่ได้ ต้องไปอยู่ที่ อ.ท่ายาง
น.ส.ศวิตากล่าวต่อว่า ตาของตนก็ต้องอยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ เพราะอับอายผู้คน ตนก็ยังคิดว่าหากได้รับความเมตตาบ้างคงไม่ต้องถูกดำเนินคดีและต้องถูกจำคุกจนมีประวัติติดตัว ออกมาก็มีแค่วุฒิมัธยมศึกษาตอนปลายและมีประวัติจะไปสมัครเข้าทำงานที่ไหนก็ไม่ได้ พ่อ แม่ก็ใช้ชีวิตอย่างลำบาก จนทุกวันนี้ผ่านมาแล้ว 11 ปี จะพูดกับใครจะบอกกับใครก็ไม่ได้ ทุกคนกลัวกันหมด แม้ถึงขณะนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวพันกับเบื้องสูงที่เขาอ้าง ทำให้ตนไม่กล้าจะทำอะไรเลย
“ฉันมาแจ้งความครั้งนี้ ที่จริงแล้วก็ไม่ได้ต้องการอะไร แค่อยากขอให้คืนความเป็นธรรมให้กับครอบครัวจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นบ้าง เพราะเมื่อมีประวัติมีคดีติดตัว เคยถูกจำคุกในคดีฉ้อโกง ซึ่งการจะไปสมัครเข้าทำงานที่ไหน เขาเห็นว่าเคยต้องคดีฉ้อโกง ก็ไม่กล้ารับเราเข้าทำงานแล้ว” น.ส.ศวิตากล่าว
ด้าน พล.ต.ต.ฐิติราชกล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นดังกล่าว เป็นเพียงการถูกต้องสงสัยว่ามีพฤติกรรมเรื่องชู้สาว แต่เมื่อพิสูจน์ได้ว่าไม่เป็นความจริงก็ควรจะได้รับความเป็นธรรม และกลับถูกดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกง จนต้องได้รับโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน ตนคงจะมอบหมายให้ทาง พ.ต.อ.อัคราเดช ได้สอบสวนให้ปรากฏข้อเท็จจริงให้ได้ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นอย่างไร ใครผิด ใครถูก ก็ว่าไปตามพยานหลักฐาน หากทาง น.ส.ศวิตา ไม่ได้กระทำความผิดจริงก็ต้องคืนความเป็นธรรม หาทางลบประวัติการต้องคดี เพราะขณะนี้เขาต้องประสบปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้จนไม่สามารถไปสมัครทำงานที่ไหนได้