กลุ่ม ปตท.เร่งปรับแผนการลงทุนใหม่ หลังราคาน้ำมันร่วงเกินคาดแต่เม็ดเงินลงทุนไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ยอมรับปีนี้ผลการดำเนินงาน ปตท.สผ.ลดฮวบ ส่วน “GPSC” ยังเดินหน้าเข้าตลาดหุ้นไตรมาส 2/2558 ตามแผน มั่นใจระดมทุนได้ 1หมื่นล้านบาทเพื่อขยายธุรกิจพลังงานทดแทนและโรงไฟฟ้าในประเทศเพื่อนบ้าน
แหล่งข่าวจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงต่ำกว่าที่คาดไว้ ทำให้เครือ ปตท.ต้องปรับแผนการลงทุนใหม่หมดเพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางราคาน้ำมัน โดยเฉพาะบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลงนี้ จนต้องปรับพอร์ตการลงทุนใหม่ ซึ่งแนวโน้มผลประกอบการ ปตท.สผ.ในปีนี้จะลดลงมาก
ขณะเดียวกัน ก็ต้องคำนึงเรื่องการขาดทุนสต๊อกน้ำมัน (Stock loss) และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์พลาสติกกับวัตถุดิบ (สเปรด) ของแต่ละบริษัทในเครือฯ ด้วย
แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่า ส่วนเม็ดเงินลงทุนของกลุ่ม ปตท.คงไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก เนื่องจากเป็นการลงทุนโครงการระยะยาว
ในช่วงปี 2557 ปตท.เคยคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบปีนี้อยู่ที่ 100-110 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (ราคาสูง) และต่ำสุดอยู่ที่ 70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่พอราคาน้ำมันโลกลดลงต่อเนื่องก็ได้ปรับประมาณการลดราคาน้ำมันดิบใหม่ โดยประเมินราคาสูงสุดอยู่ที่ 70-80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และต่ำสุดอยู่ที่ 40-50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ด้านนายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการนำบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (GPSC) เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ปตท.มั่นใจว่าจะนำ GPSC เข้าตลาดหุ้นไทยได้ในไตรมาส 2/2558 โดยนำหุ้นออกขาย 25% ของทุนจดทะเบียน คาดว่าจะระดมทุนได้ 1 หมื่นล้านบาท
เม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จะใช้ขยายธุรกิจไฟฟ้าทั้งพลังงานทดแทน รวมทั้งขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าในประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งพัฒนาเทคโนโลยีด้านแบตเตอรี่เพื่อเสริมธุรกิจพลังงานทดแทน ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 1.8 พันเมกะวัตต์ คาดว่าจะเพิ่มกำลังผลิตอีก 1 พันเมกะวัตต์ใน 5 ปีข้างหน้า