xs
xsm
sm
md
lg

SCC ตั้งเป้าปีนี้โตจิ๊บ 1-2% เผยยอดใช้ปูนทุบสถิติสูงสุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปูนซิเมนต์ไทยตั้งเป้ารายได้ปีนี้โตจิ๊บจ้อย 1-2% อยู่ที่ 4.9 แสนล้านบาท เนื่องจากราคาเม็ดพลาสติกลดฮวบ 30% จากราคาน้ำมันที่ลดลง แม้ว่าจะรับรู้รายได้จากโรงปูนแห่งใหม่ในเขมรและอินโดนีเซียที่จะแล้วเสร็จในปีนี้ก็ตาม ชี้ปีนี้ยอดการใช้ปูนในไทยทุบสถิติสูงสุดแตะ 42 ล้านตัน เหตุได้รับอานิสงส์การใช้ปูนจากภาครัฐสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน

นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)(SCC) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯ คาดว่ารายได้จากการขายอยู่ที่ 4.9 แสนล้านบาท เติบโตจากปีก่อนเล็กน้อย 1-2% เนื่องจากธุรกิจเคมีภัณฑ์ซึ่งมีรายได้คิดเป็นสัดส่วน 50% ของรายได้ทั้งหมดได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่ลดต่ำลง ส่งผลให้ราคาเม็ดพลาสติกปรับตัวลดลงแล้ว 30% แต่ปริมาณการขายสินค้าในทุกธุรกิจเพิ่มสูงขึ้น

โดยปีนี้บริษัทรับรู้รายได้จากโรงปูนซีเมนต์แห่งใหม่ 2 โรงที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จ คือ โรงปูนฯ แห่งที่ 2 ในกัมพูชา กำลังผลิต 9 แสนตัน/ปี จะผลิตเชิงพาณิชย์ก่อน มิ.ย. 2558 และโรงปูนฯ ขนาดกำลังผลิต 1.8 ล้านตันที่อินโดนีเซีย คาดว่าจะผลิตได้ในครึ่งปีหลังนี้ ส่วนโรงปูนซีเมนต์ในพม่าและ สปป.ลาวคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2559 และปี 2560 ตามลำดับ รวมทั้งรับรู้รายได้จากโรงงานบรรจุภัณฑ์แห่งใหม่ที่ จ.ราชบุรี และบริษัท ทีซี เฟล็กซิเบิ้ลแพคเกจจิ้ง ในเครือเอสซีจี เปเปอร์ได้เข้าซื้อหุ้นเพิ่มเติมในบริษัท พรีแพค ประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าเฟล็กซิเบิล แพกเกจจิ้ง หรือบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากพลาสติกใช้บรรจุสินค้าอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภค ทำให้เอสซีจีถือหุ้นในบริษัทฯ ดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 72% จากเดิม 22%

“ในปีนี้ยอดขายธุรกิจเคมีภัณฑ์จะได้รับผลกระทบด้านราคาแต่มาร์จิ้นก็ยังดีอยู่ เนื่องจากวัตถุดิบ หรือแนฟทา ปรับตัวลดลงแรงตามราคาน้ำมันและเร็วกว่าการปรับลดลงของเม็ดพลาสติก คาดว่าปีนี้ส่วนต่างราคาเม็ดพลาสติก PP/PE กับวัตถุดิบ (สเปรด)เฉลี่ยอยู่ที่ 700 เหรียญสหรัฐ/ตัน ดีขึ้นกว่าปีก่อนที่สเปรดเม็ดพลาสติกอยู่ที่ 682 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่วนสเปรดเม็ดพลาสติก PVC ก็ปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อนมาอยู่ 350 เหรียญสหรัฐ/ตัน แต่ก็จะได้รับผลกระทบขาดทุนจากสต๊อกสินค้า (Stock Loss) ตามราคาน้ำมันที่ลงด้วย”

ในไตรมาสแรกปีนี้บริษัทฯ คาดว่าจะมีผลขาดทุนจากสินค้าคงคลังประมาณ 1 พันล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันดิบลดลงจากปลายปีที่แล้ว 60 กว่าเหรียญสหรัฐ/บาร์เรลมาอยู่ที่ระดับ 46-48 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งน้ำมันดิบลดลงทุก 10 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลบริษัทจะขาดทุนจากสินค้าคงเหลือ 700 ล้านบาท

นายกานต์กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้ถือเป็นปีทองเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน จีดีพียังโตดีต่อเนื่อง มีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนเพิ่มในอาเซียนรวมทั้งไทยด้วย แม้ว่าเศรษฐกิจจีนจะโตชะลอตัวลงเหลือ 7% แต่ก็เป็นระดับที่สูงอยู่ ส่วนเศรษฐกิจอียูทรงตัว ส่วนสหรัฐฯ เติบโตดีขึ้น ดังนั้นบริษัทฯ มั่นใจว่าจีดีพีของไทยในปีนี้โต 4% จากปีที่แล้วจีดีพีไทยโตต่ำสุดในภูมิภาคไม่ถึง 1% เนื่องจากได้รับอานิสงส์การลงทุนโครงการต่างๆ จากภาครัฐ ทำให้ภาคเอกชนเกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น

ดังนั้น บริษัทฯ ยังคงงบลงทุน 5 ปีนี้อยู่ที่ 2-2.5 แสนล้านบาท โดยปีนี้คาดว่าจะใช้เงินลงทุนสูงกว่า 5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ใช้เงินลงทุนไป 4.52 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมีการลงทุนโครงการต่อเนื่องทั้งไทยและต่างประเทศ โดยจะเร่งโครงการต่างๆ ให้เร็วกว่าแผน รวมทั้งมีการเจรจาซื้อกิจการ (M&A) ในอาเซียนหลายโครงการด้วย

ส่วนความคืบหน้าโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ที่เวียดนาม ขณะนี้อยู่ระหว่างการสรุปตัวเลขมูลค่าโครงการทั้งหมด หลังจากผู้รับเหมาได้ยื่นเสนอราคาค่าก่อสร้างแล้ว และเจรจาสถาบันการเงินเพื่อกู้โครงการนี้ คาดว่าได้ข้อสรุป 4-5 เดือนนี้

*** ยอดใช้ปูนปีนี้ทุบสถิติสูงสุด 42 ล้านตัน
ส่วนความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในไทยปีนี้คาดว่าจะทุบสถิติสูงสุดอยู่ที่ 42 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 6% เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากโครงการภาครัฐที่มีการใช้ปูนซีเมนต์คิดเป็นสัดส่วน 50% ของการใช้ทั้งหมด และการท่องเที่ยวที่ขยายตัวดีขึ้น ซึ่งราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลงทำให้ธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมันมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น โดยปีที่แล้ว ความต้องการใช้ปูนในประเทศลดลง 1% มาอยู่ที่ 40 ล้านตัน โดยเริ่มเห็นสัญญาณการใช้ปูนเพิ่มขึ้นในช่วงเดือน ธ.ค. 57 โดยเป็นการใช้ปูนภาครัฐไม่ได้ลดลงเลยเมื่อเทียบกับการใช้ในภาคอี่นๆ ทำให้มั่นใจว่าปีนี้ความต้องการใช้ปูนยังโตไปได้ดี

ขณะนี้ยอดขายปูนซีเมนต์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลอยู่ที่ 20% ของยอดขายรวม ยังโตต่อเนื่อง ขณะที่ยอดขายปูนในภูมิภาคก็ยังโตเพิ่มขึ้นในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เชื่อว่าไตรมาสแรกปีนี้ความต้องการใช้ปูนโตใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 4% ส่วนครึ่งปีหลังมั่นใจการใช้ปูนจะโตขึ้นอย่างแน่นอนเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปี 57 ที่มีการใช้ติดลบ ขณะที่ราคาขายปูนในประเทศบริษัทได้ปรับลดราคาลงมา 40 บาท/ตัน

ปัจจุบันบริษัทฯ ผลิตปูนซีเมนต์คิดเป็นสัดส่วน 40% ของความต้องการใช้ปูนในประเทศ โดยปีนี้บริษัทจะมีการส่งออกปูนลดลงเหลือ 4 ล้านตันจากปีก่อนส่งออก 4.5 ล้านตัน เนื่องจากความต้องการใช้ปูนในไทยขยายตัวขึ้น ซึ่งปีที่แล้วบริษัทส่งออกปูนไปพม่า 2 ล้านตัน กัมพูชา 8 แสนตัน เป็นต้น

*** ปี 57 กำไร 3.36 หมื่นล้าน วูบ 8%
สำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2557 บริษัทมีรายได้จากการขาย 4.87 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 3.36 หมื่นล้านบาท ลดลง 8% จากปีก่อน เนื่องจากปีนี้ไม่มีกำไรจากรายได้ที่ไม่เกิดขึ้นประจำ 1.70 พันล้านบาท และขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือที่เกิดขึ้นในไตรมาส 4/2557 อันเป็นผลจากการปรับตัวลงของราคาน้ำมันจำนวน 2.96 พันล้านบาท

โดยปี 2557 บริษัทฯ มีรายได้จากการส่งออก 1.43 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% จากปีก่อน คิดเป็น 30% ของยอดขายรวม เนื่องจากการปรับกลยุทธ์ของทุกธุรกิจเน้นการส่งออกในประเทศอาเซียนมากขึ้นเพื่อทดแทนความต้องการใช้ในไทยที่ลดลง ซึ่งปี 2557 มีรายได้จากการส่งออกและจากธุรกิจที่มีฐานการผลิตในอาเซียนแตะ 1 แสนล้านบาทเป็นครั้งแรก เนื่องจากแบรนด์สินค้าเอสซีจีเป็นที่ยอมรับในอเซียน

ส่วนผลประกอบการไตรมาส 4/2557 บริษัทมีรายได้ 1.16 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 8.85 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% เนื่องจากผลการดำเนินงานดีขึ้นจากธุรกิจเคมีภัณฑ์ แม้ว่าระหว่างงวดจะมี Stock Loss จำนวน 2.96 พันล้านบาท

ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้ออกและเสนอหุ้นกู้ชุดใหม่ครั้งที่ 1/2558 วงเงินไม่เกิน 1.5 หมื่นล้านบาท อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ยตามราคาตลาดในขณะที่ออก โดยวงเงินดังกล่าวจะไปไถ่ถอนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดในวันที่ 1 เม.ย. 2558 และออกหุ้นกู้ชุดใหม่เพิ่มเติมอีก 1.5 หมื่นล้านบาท อายุ 3 ปี เพื่อรองรับการลงทุนในอนาคต โดยหุ้นกู้ดังกล่าวนี้จะเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป

นอกจากนี้ บอร์ดบริษัทฯ ได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายจากผลการดำเนินงานครึ่งหลังปี 2557 หุ้นละ 7.00 บาท โดยกำหนด XD วันที่ 31 มี.ค.นี้ และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 23 เม.ย. 2558
กำลังโหลดความคิดเห็น