“พาณิชย์” ยันจำเป็นต้องนำเข้าน้ำมันปาล์ม 5 หมื่นตันแก้ปัญหาการบริโภคตึงตัว เผยถ้าไม่นำเข้าอาทิตย์หน้าอาจขาดแคลนหนัก สัญญาชาวสวนถ้านำเข้าแล้วราคาผลปาล์มสดต่ำกว่า กก.ละ 5 บาท หยุดนำเข้าทันที
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำมันปาล์มตึงตัวขณะนี้ว่า การนำเข้าน้ำมันปาล์ม 50,000 ตันจะไม่ทำให้ราคาผลปาล์มสดในประเทศลดลงต่ำกว่ากิโลกรัม (กก.) ละ 5 บาทอย่างแน่นอน เพราะก่อนหน้าที่จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้อนุมัติการนำเข้า กระทรวงพาณิชย์ได้หารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องแล้ว ทั้งเกษตรกร โรงสกัด โรงกลั่น โรงงานไบโอดีเซล เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำมันปาล์มในประเทศ โดยพบว่าสต๊อกลดต่ำลงมาตั้งแต่เดือน ต.ค. 2557 ซึ่งได้สอบถามแล้วว่าหากจะแก้ปัญหาด้วยการนำเข้าน้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภค และอาจทำให้ราคาผลปาล์มสดในประเทศลดลงเหลือไม่ต่ำกว่า กก.ละ 5 บาท เกษตรกรจะรับได้หรือไม่ ซึ่งเกษตรกรที่ประชุมด้วยรับได้แม้ราคาจะลดลงจากปัจจุบันที่ กก.ละ 6 บาทก็ตาม เพราะต้องการช่วยเหลือประเทศขณะนี้
“ได้ติดตามสถานการณ์ปาล์มน้ำมันมาหลายเดือนแล้ว พบว่าสต๊อกลดลงมาจากระดับปลอดภัยที่ 200,000 ตัน จึงได้ประชุมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหา จนเป็นที่มาของการนำเข้าน้ำมันปาล์ม 50,000 ตัน ซึ่งเป็นการนำเข้าเท่าที่จำเป็นในระยะสั้นที่สุด เพราะจะใช้เพื่อการบริโภคตั้งแต่เดือน ก.พ.-มี.ค. จากนั้นก็เลิกนำเข้า เพราะผลปาล์มสดในประเทศจะออกแล้ว สถานการณ์จะคลี่คลาย”
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่น้ำมันปาล์มนำเข้าจะมาถึงไทยในอีก 20 วันข้างหน้า ยืนยันว่าขณะนี้ไม่พบปัญหาขาดแคลนน้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภค เพราะกระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และห้ามผู้ค้าปลีก ค้าส่งกักตุนสินค้า รวมถึงประชาชนอย่าตื่นซื้อสินค้ากักตุน ขณะเดียวกัน ขอร้องสื่อมวลชนอย่าเขียนข่าวให้ประชาชนตื่นตระหนกจนเกิดการกักตุนสินค้า
ทั้งนี้ พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวยืนยันว่า รัฐบาลมีหลายนโยบายที่ช่วยยกระดับรายได้เกษตรกรอยู่แล้ว ทั้งข้าว ยางพารา รวมถึงสินค้าเกษตรอื่นๆ
สำหรับการผลักดันการส่งออกข้าวไทยไปจีน ได้เร่งรัดให้กรมการค้าต่างประเทศ เจรจาในรายละเอียดกับจีนเพื่อให้จีนนำเข้าข้าวจากไทยโดยเร็ว หลังจากที่ได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) กับจีนเพื่อซื้อข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) จากไทย 2 ล้านตัน และยางพารา 200,000 ตันเมื่อเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา
น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า หากไม่มีการแก้ปัญหาสถานการณ์น้ำมันปาล์มตึงตัว โดยให้โรงงานไบโอดีเซลลดการใช้น้ำมันปาล์มดิบ หรือไม่มีการนำเข้า 50,000 ตัน ในสัปดาห์หน้าจะไม่มีน้ำมันเพื่อการบริโภคในระบบ แต่การนำเข้าจะทำให้มีน้ำมันปาล์มถึงมือผู้บริโภคภายในเดือน ก.พ. ผู้บริโภคไม่ต้องกักตุนสินค้า ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์ได้หารือกับห้างสรรพสินค้า และห้างค้าปลีกให้เลิกทำโปรโมชันซื้อ 1 ขวดแถม 1 ขวด และไม่ให้มีการซื้อหลังร้านเหมือนที่ผ่านมาแล้ว
อย่างไรก็ตาม หากมีการนำเข้าแล้วราคาผลปาล์มสดในประเทศต่ำกว่า กก.ละ 5 บาทตามที่กระทรวงพาณิชย์ตกลงไว้กับเกษตรกรก็จะหยุดนำเข้าทันที และจะไม่นำมาผลิตเพื่อการบริโภค แต่จะนำเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมและผลิตไบโอดีเซลแทน
“ยืนยันว่ากระทรวงพาณิชย์ ภายใต้การนำของ พล.อ.ฉัตรฉัตร ทำงานด้วยความโปร่งใส การแก้ปัญหาน้ำมันปาล์มก็ทำด้วยความโปร่งใส ไม่มีการทุจริตแน่นอน ถ้ามีใครแอบอ้างชื่อให้มาบอกได้” น.ส.ชุติมากล่าว
