ส.อ.ท.เกาะติด สนช.ถอดถอน “ยิ่งลักษณ์” 23 ม.ค.นี้ หวั่นจุดชนวนแตกแยกรุนแรงซ้ำเติมเศรษฐกิจไทยที่ปัจจุบันก็ยังไม่สู้ดีนัก ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจโลกยังคงกระหน่ำต่อเนื่องอาจกระทบส่งออกอีก เตรียมหารือ กกร.กรณีค่าเงินบาทแข็งค่า ขณะที่ความเชื่อมั่น 3 เดือนข้างหน้ายังคงต่ำลง
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ภาคเอกชนคงต้องติดตามกรณีการลงมติของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่จะมีการพิจารณาลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 23 ม.ค.นี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากกังวลว่าหากมีการต่อต้านของกลุ่มคนบางกลุ่มและนำไปสู่ความรุนแรงจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจที่ปัจจุบันก็มีความเสี่ยงจากทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศมากอยู่แล้ว
“เรื่องถอดถอนหรือไม่ถอดถอนคงจะไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไรเพราะเราเข้าใจได้ว่าไม่ว่าจะออกมาอย่างไรก็ต้องมีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว แต่ที่เรากังวลคือจะมีการสร้างกระแสความแตกแยกซึ่งเศรษฐกิจบ้านเราก็ไม่ดีอยู่แล้วก็จะยิ่งซ้ำเติมเพราะเวลานี้เราเองก็พึ่งการท่องเที่ยวที่ดีอยู่เซกเตอร์เดียว ที่เหลือก็ยังไม่ดีทั้งส่งออก และสินค้าเกษตรที่ยังตกต่ำและแรงซื้อเองก็ยังแย่เพราะหนี้ภาคครัวเรือนสูง ถ้าปัญหาเพิ่มเข้ามาเราก็จะเหนื่อยมากขึ้น” นายสุพันธ์กล่าว
สำหรับปัจจัยที่มีผลต่อภาวะเศรษฐกิจไทยขณะนี้ถือว่าเศรษฐกิจโลกยังคงเป็นสิ่งที่กังวลเพราะจะส่งผลต่อการส่งออกของไทย โดยเฉพาะกำลังติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB วันที่ 22 ม.ค.นี้ว่าจะมีการออกนโยบายผ่อนคลายเชิงการเงิน (คิวอี) ซึ่งอาจส่งผลให้เงินไหลเข้าภูมิภาคเอเชียรวมถึงไทยที่จะมีผลให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็จะกระทบต่อขีดความสามารถทางการส่งออกได้แต่ก็ยังหวังว่าคิวอีของยุโรปจะไม่รุนแรงเช่นสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม หากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องคงจะต้องนำไปหารือร่วมกันในคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร.ต่อไป
สำหรับผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทยในเดือนธันวาคม 2557 อยู่ที่ระดับ 92.7 เพิ่มขึ้นจากระดับ 89.7 ในเดือนพฤศจิกายนสูงสุดในรอบ 14 เดือนเนื่องจากปัจจัยคำสั่งซื้อและยอดขายในประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเทศกาลปีใหม่ รวมทั้งระดับราคาพลังงานที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการยังมีความกังวลต่อกำลังซื้อในประเทศที่หดตัว การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในหลายภูมิภาคที่ยังไม่ชัดเจนซึ่งจะกระทบต่อการส่งออกซึ่งสะท้อนจากความเชื่อมั่น คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 101.7 ลดลงจาก 106.1 ในเดือน พ.ย. 57 เนื่องจากยังคงกังวลกับปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศ
