ASTVผู้จัดการรายวัน - “ยัม” เปิดแผนรุกปี 58 ทุ่มงบ 1.7 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ผุดสาขา “เคเอฟซี” ใหม่ 55 แห่ง ขณะที่แผนโมเดล “เคเอฟซี ไดรฟ์ทรู” วางเป้ายาวอีก 6 ปีถึงปี 2563 เปิดครบ 100 สาขา
นายธันยเชษฐ์ เอกเวชวิท ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดแบรนด์ “เคเอฟซี” บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า แผนการลงทุนของแบรนด์ “เคเอฟซี” ในปี 2558 จะใช้งบลงทุนรวมทั้งของยัมฯ และกลุ่มเซ็นทรัลไม่ต่ำกว่า 1.7 พันล้านบาท แบ่งเป็นการขยายสาขา “เคเอฟซี” รวมประมาณ 55 สาขา งบประมาณ 1.55 พันล้านบาท และปรับปรุงสาขาเดิมอีก 150 ล้านบาท โดยในส่วนของสาขาใหม่จะเป็นการเปิดสาขาแบบไดรฟ์ทรูอีก 15 สาขา ลงทุนเฉลี่ย 50 ล้านบาทต่อสาขา พื้นที่ 400 ตารางเมตร หรือ 1.5 ไร่
“ปีหน้าถือเป็นปีที่แบรนด์เคเอฟซีลงทุนมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในไทย จากเดิมที่ลงทุนไม่ถึง 1.7 พันล้านบาทต่อปีแต่ก็อยู่ระดับใกล้เคียง และจะเป็นปีที่มีการเปิดสาขามากที่สุด เนื่องจากมั่นใจระบบเศรษฐกิจไทย โดยแบรนด์เคเอฟซีมีความแข็งแกร่งและถือเป็นผู้นำตลาดจึงต้องการขยายฐานตลาดเพิ่ม”
ในปี 2557 “เคเอฟซี” ลงทุนประมาณ 1.5 พันล้านบาท เปิดสาขาใหม่ 47 สาขาที่เป็นนั่งรับประทาน และอีก 10 สาขาที่เป็นไดรฟ์ทรู เช่น รังสิต-ปทุมธานี, เพียวเพลซ ราชพฤกษ์, ถ.ศรีนครินทร์, ถ.นราธิวาสราชนครินทร์, เพชรเกษม เพาเวอร์เซ็นเตอร์, เทสโก้โลตัส ถ.พัฒนาการ, รามคำแหง, สุนีย์พลาซ่า จ.อุบลราชธานี, ถ.เทพารักษ์ จ.สมุทรปราการ และถ.มหิดล จ.เชียงใหม่ โดยบางสาขาเปิดบริการ 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้ จากการสำรวจของ “มิลวาร์ดบราวน์ ประเทศไทย” เกี่ยวกับส่วนแบ่งของจำนวนประชากรที่เข้าไปใช้บริการในร้านอาหารที่มีสาขาระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา (สำรวจช่วงเวลา 6 ม.ค.-14 ก.ย.57 จำนวนผู้ตอบแบบสอบถาม 4,067 คน) พบว่า “เคเอฟซี” มีส่วนแบ่งตลาดรวม 51% เพิ่มจากเดิมมี 49% ของร้านอาหารที่มีสาขาอยู่ทั่วไปตามห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า โรงภาพยนตร์ และไฮเปอร์มาร์เก็ต เป็นต้น โดยขณะนี้ “เคเอฟซี” มี 531 สาขา (สิ้นสุดเดือนพฤศจิกายน 2557)
อย่างไรก็ตาม ในปีหน้าบริษัทฯ มีแผนที่จะขยายสาขาแบบไดรฟ์ทรูมากขึ้น เพราะจากการทำตลาดมาประมาณ 2 ปีได้รับผลสำเร็จอย่างดี โดยตั้งเป้าหมายว่าจะต้องมีโมเดลไดรฟ์ทรูรวมกันในไทย 100 สาขา ภายในปี 2563 ด้วยงบลงทุนไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาท ปัจจุบันสัดส่วนลูกค้าที่เข้าไดรฟ์ทรูมีประมาณ 20-30% จากจำนวนลูกค้าในแต่ละสาขา ซึ่งยอมรับว่าโมเดลแบบนั่งรับประทานยังคงเป็นสัดส่วนหลักอยู่ดี
“แนวโน้มไดรฟ์ทรูเริ่มมีมากขึ้นสอดรับกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ต้องการความรวดเร็ว ความสะดวกมากขึ้น โดยตั้งเป้าหมายสัดส่วนรายได้จากไดรฟ์ทรูมากขึ้น ซึ่งในต่างประเทศ อย่างเช่น สหรัฐอเมริกา หรือออสเตรเลีย สัดส่วนรายได้จากไดรฟ์ทรูมากกว่า 60-70% แล้ว”
สำหรับผลประกอบการช่วง 3 ไตรมาสแรกเติบโต 9% ซึ่งเติบโตมากกว่าตลาดรวม โดยยอดซื้อต่อบิลโมเดลไดรฟ์ทรูเฉลี่ยจะใกล้กับยอดซื้อต่อบิลที่นั่งรับประทานในร้าน