ASTVผู้จัดการรายวัน -เคเอฟซีไม่หวั่นการเมืองรุนแรงพร้อมเท 2,200 ล้านบาทลุยปี 57 หวังดันรายได้โต 15% หลังปีนี้ทำใจรายได้ทำได้แค่ 10% จากเดิมวางไว้ 12%
นายธันยเชษฐ์ เอกเวชวิท ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดเคเอซี บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ธุรกิจร้านอาหารจานด่วน หรือ OSR มูลค่า 30,000ล้านบาท ปีนี้เชื่อว่าจะเติบโตได้ 7% ส่วนสำคัญมาจากสภาพเศรษฐกิจและกำลังซื้อเป็นหลัก เห็นได้จากช่วงต้นเดือนยอดขายจะดีแต่พอเข้าสัปดาห์ที่3ของเดือนจะลดลงขณะที่ปัญหาการเมืองมีผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เช่นกระทบต่อบางสาขาที่ผุ้บริโภคอาจจะไม่สะดวกเข้ามาใช้บริการ เป็นต้น
สำหรับเคเอฟซี 10 เดือนที่ผ่านมา พบว่าทำยอดขายโตขึ้น 10% ใกล้เคียงกับเป้าที่วางไว้ 12%ถึงสิ้นปีนี้น่าจะโตได้ 10% สูงกว่าตลาดเล็กน้อย และมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 48% จากปีก่อนมีส่วนแบ่งที่45-46% ขณะที่จำนวนสาขาสิ้นปีนี้จะปิดที่500 สาขา โดยปีนี้เปิดเพิ่ม 36 สาขา
อย่างไรก็ตามปี2557 บริษัทพร้อมใช้งบการลงทุนทั้งสิ้น 2,200 ล้านบาทแบ่งเป็นการตลาด 670 ล้านบาท และอีก 1,700 ล้านบาท สำหรับการลงทุนขยายสาขากว่า 50สาขา โดยกว่า 10 สาขา จะเป็นสแตนอะโลนในรูปแบบโมเดลไดรฟ์ ทรู ลงทุนสาขาละ 40ล้านบาทสูงจากสาขาปกติ1เท่าตัว ซึ่งโมเดลไดร์ฟ ทรู เปิดแล้ว 1 สาขา ที่ศรีนครินทร์รวมถึงการปรับปรุงสาขาเดิม และการเปิดตัวเมนูใหม่อีกราว 10 กว่ารายการ ล่าสุดเปิดตัวเมนู“ไก่อบนุ่ม” เชื่อว่าจะส่งผลให้ภาพรวมยอดขายกลับมาเติบโตได้15% อีกครั้งและมีส่วนบ่งทางการตลาดเพิ่มเป็น 50% ได้
นายธันยเชษฐ์ กล่าวด้วยว่าปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจฟาส์ตฟู้ดโดยตรงทั้งนี้หากสถานการณ์การเมืองรุนแรงและยืดเยื้อทางบริษัทยังพร้อมเดินหน้าลงทุนตามแผนเดิมที่วางไว้ ซึ่งมองว่าประเทศไทยยังแข็งแกร่งสภาพเศรษฐกิจจะดีขึ้นตามการส่งออกที่มีแนวโน้มกลับมาดีจะเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ธุรกิจฟาสต์ฟุ้ดกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง
นายธันยเชษฐ์ เอกเวชวิท ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดเคเอซี บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ธุรกิจร้านอาหารจานด่วน หรือ OSR มูลค่า 30,000ล้านบาท ปีนี้เชื่อว่าจะเติบโตได้ 7% ส่วนสำคัญมาจากสภาพเศรษฐกิจและกำลังซื้อเป็นหลัก เห็นได้จากช่วงต้นเดือนยอดขายจะดีแต่พอเข้าสัปดาห์ที่3ของเดือนจะลดลงขณะที่ปัญหาการเมืองมีผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เช่นกระทบต่อบางสาขาที่ผุ้บริโภคอาจจะไม่สะดวกเข้ามาใช้บริการ เป็นต้น
สำหรับเคเอฟซี 10 เดือนที่ผ่านมา พบว่าทำยอดขายโตขึ้น 10% ใกล้เคียงกับเป้าที่วางไว้ 12%ถึงสิ้นปีนี้น่าจะโตได้ 10% สูงกว่าตลาดเล็กน้อย และมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 48% จากปีก่อนมีส่วนแบ่งที่45-46% ขณะที่จำนวนสาขาสิ้นปีนี้จะปิดที่500 สาขา โดยปีนี้เปิดเพิ่ม 36 สาขา
อย่างไรก็ตามปี2557 บริษัทพร้อมใช้งบการลงทุนทั้งสิ้น 2,200 ล้านบาทแบ่งเป็นการตลาด 670 ล้านบาท และอีก 1,700 ล้านบาท สำหรับการลงทุนขยายสาขากว่า 50สาขา โดยกว่า 10 สาขา จะเป็นสแตนอะโลนในรูปแบบโมเดลไดรฟ์ ทรู ลงทุนสาขาละ 40ล้านบาทสูงจากสาขาปกติ1เท่าตัว ซึ่งโมเดลไดร์ฟ ทรู เปิดแล้ว 1 สาขา ที่ศรีนครินทร์รวมถึงการปรับปรุงสาขาเดิม และการเปิดตัวเมนูใหม่อีกราว 10 กว่ารายการ ล่าสุดเปิดตัวเมนู“ไก่อบนุ่ม” เชื่อว่าจะส่งผลให้ภาพรวมยอดขายกลับมาเติบโตได้15% อีกครั้งและมีส่วนบ่งทางการตลาดเพิ่มเป็น 50% ได้
นายธันยเชษฐ์ กล่าวด้วยว่าปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจฟาส์ตฟู้ดโดยตรงทั้งนี้หากสถานการณ์การเมืองรุนแรงและยืดเยื้อทางบริษัทยังพร้อมเดินหน้าลงทุนตามแผนเดิมที่วางไว้ ซึ่งมองว่าประเทศไทยยังแข็งแกร่งสภาพเศรษฐกิจจะดีขึ้นตามการส่งออกที่มีแนวโน้มกลับมาดีจะเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ธุรกิจฟาสต์ฟุ้ดกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง
