ธุรกิจเชนร้านอาหารครึ่งปีแรกโตเพียง 3-4% หลังได้รับผลกระทบการเมือง-เศรษฐกิจ “KFC” ยังครองแชมป์ผู้นำถึง 53% จากตลาดรวม 3 หมื่นล้านบาท เผย 3 กลยุทธ์เดินหน้าขยายงานต่อเนื่อง ทั้งขยายสาขาเพิ่ม 50 สาขา พร้อมเจาะตลาดออนไลน์ ล่าสุด เผยโฉมเมนูใหม่ “เคเอฟซี แบล็ก เมจิก เบอร์เกอร์” เฉพาะในไทยแห่งเดียวในโลก หวังทำยอดขายเบอร์เกอร์เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มี 10%
นายธันยเชษฐ์ เอกเวชวิท ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด “KFC” บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมของธุรกิจเชนร้านอาหารในช่วงครึ่งปีแรกได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมือง และเศรษฐกิจโดยรวมจึงทำให้ผู้บริโภคลดความถี่ในการรับประทานอาหารนอกบ้านน้อยลง ส่งผลให้ตลาดมีอัตราการเติบโตเพียง 3-4%% แต่ในส่วนของ KFC มีอัตราการเติบโต 10% ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 12-13%
ในส่วนของธุรกิจเชนร้านอาหารมีมูลค่าตลาดรวม 3 หมื่นล้านบาท KFC มีส่วนแบ่งมากที่สุด 53% รองลงมาคือ The Pizza Company และ McDonald’s มีส่วนแบ่งเท่ากันคือ 10% ตามด้วย Pizza Hut 9% สุกี้ MK 5% และอื่นๆ 13% โดยคาดว่าในปี 2557 KFC จะสามารถทำส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นจาก 48% ในปี 2556 เป็น 55%
นายธันยเชษฐ์ กล่าวด้วยว่า สภาวะทางเศรฐกิจในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบเพียงระยะสั้นเท่านั้น KFC จึงเตรียมแผนการขยายงานอย่างต่อเนื่อง ทั้งทางด้านการลงทุนขยายสาขา (Asset) แผนงานดิจิตอล (Digital) เพื่อสร้างความใกล้ชิดกับผู้บริโภค และนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ (Innovation Products) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการ และพฤติกรรมการรับประทานอาหารของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป สืบเนื่องจากการขยายตัวของเมืองใหญ่ ทำให้วิถีชีวิตมีความเร่งรีบและเต็มไปด้วยข้อจำกัดด้านเวลา แต่ผู้บริโภคก็มีความพิถีพิถันเรื่องการบริโภค
ปัจจุบัน KFC มีสาขาทั้งสิ้น 530 สาขา ขณะที่สุกี้ MK มีประมาณ 400 สาขา The Pizza Company ประมาณ 300 สาขา และ McDonald’s ประมาณ 200 สาขา ในปี 2557 บริษัทฯ จึงเตรียมงบประมาณลงทุนทั้งสิ้น 2.2 พันล้านบาท ในการขยายสาขาใหม่เพิ่มขึ้นอีก 50 สาขา รวมถึงรีโนเวตสาขาเก่าประมาณ 30 สาขา ด้วยงบประมาณ 800 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ยังใช้งบประมาณการตลาดอีก 650 ล้านบาท
“แผนงานขยายสาขาของ KFC ยังจะเน้นลงทุนสาขาในลักษณะ Drive True เพิ่มขึ้นอีก 6-7 สาขา ด้วยงบประมาณสาขาละ 400-500 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มี 7 สาขา โดยจะเน้นลงทุนในแบบแสตนด์อะโลนนอกพื้นที่ห้างสรรพสินค้ามากขึ้น เนื่องจากสามารถทำยอดขายเติบโตถึง 10-15% เพราะได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภคที่ต้องการประสบการณ์การรับประทานอาหารรูปแบบใหม่ๆ และเหมาะต่อไลฟ์สไตล์ที่ต้องการความเร่งรีบ”
นายธันยเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันสภาวะการแข่งขันของธุรกิจอาหารเป็นไปอย่างรุนแรงจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว เพราะฉะนั้น ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญในเรื่องของเมนูอาหารมากขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการรับประทานอาหารที่มีรสชาติอร่อย และผลิตจากวัตถุดิบคุณภาพดี เช่นเดียวกับ KFC ที่มีการแนะนำเมนูใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเภทไก่ทอด ข้าว ไอศกรีม และเครื่องดื่ม
ล่าสุด มีการเปิดตัวเมนู “เคเอฟซี แบล็กเมจิก เบอร์เกอร์” ซึ่งคิดค้น และมีจำหน่ายเฉพาะที่ร้าน “เคเอฟซี ประเทศไทย” เป็นแห่งเดียวในโลก โดยมีความโดดเด่นด้านรสชาติที่แตกต่างจากเบอร์เกอร์ทั่วไป พร้อมกับใช้งบประมาณการตลาดสำหรับแคมเปญนี้ถึง 40 ล้านบาท ในการสื่อสารทางการตลาดทุกช่องทางการสื่อสาร รวมถึงการสร้างกระแสผ่านทางโซเชียล มิเดีย ภายใต้แนวคิด “สัมผัสที่เหนือกว่าการมองเห็น” (Sense the Beyond) เพื่อสร้างความรับรู้ให้ผู้บริโภคได้รู้จักกับเมนูนี้
“ในเบื้องต้นเรากำหนดให้มีการแนะนำ และจำหน่ายเมนู เคเอฟซี แบล็กเมจิก เบอร์เกอร์ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 9 ตุลาคม 2557 เพื่อเป็นการสร้างกระแสความตื่นตัวให้ผู้บริโภคได้รู้จักเมนูเบอร์เกอร์ของ KFC มากขึ้น จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนยอดขายประมาณ 10% จากยอดขายรวม โดยคาดว่าจะได้รับการตอบรับอย่างดีจากกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายคือ กลุ่มคนทำงาน และคนรุ่นใหม่ โดยคาดว่าในอนาคตอันใกล้จะมีการจำหน่ายในสาขาของประเทศอื่นๆ และมีการทำตลาดมากขึ้น” นายธันยเชษฐ์ กล่าวในที่สุด