นายกฯ ชูยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนใหม่บีโอไอขับเคลื่อน ศก.ในอนาคต ลั่นปี 2558 ศก.โตได้ 3.5-4.5% หลังตัวเลขลงทุน ยอดนักท่องเที่ยวยังดี หม่อมอุ๋ยรับ GDP ไทยตกต่ำต่อเนื่องจากอดีตโต 9.25% ไม่เห็นแล้ว ปรับใหม่ดึงต่างชาติตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานสัมมนาเรื่อง “ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุนใหม่ : เพื่ออุตสาหกรรมไทยเติบโตอย่างยั่งยืน” และแสดงปาฐกถาพิเศษเรื่องยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุนในระยะ 7 ปี (พ.ศ. 2558-2564) ว่า ยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนใหม่ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) จะมีส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอนาคตที่จะต้องเชื่อมโยงกับการค้าขายชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านและเชื่อมโยงในเวทีโลก ดังนั้นปี 2558 ยังเชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP จะมีอัตราขยายตัวได้ 3.5-4.5%
“การลงทุน 11 เดือนแรกอยู่ในระดับ 7.6 แสนล้านบาท ก็ถือว่าเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้แล้ว การท่องเที่ยวก็เริ่มดีขึ้น ซึ่งคาดว่าปีนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาไทยจะมีมากถึง 25 ล้านคนก็ไม่ได้ลดอะไรมากนักแม้ว่าเราจะมีกฎอัยการศึก และปีหน้าก็มองว่าจะเพิ่มเป็น 27 ล้านคนได้ สิ่งที่เป็นปัญหาต่อเศรษฐกิจเวลานี้คือพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ รัฐบาลก็กำลังแก้ไขอยู่ทั้งระยะสั้นและระยะยาวให้ยั่งยืนต้องเน้นการลดต้นทุนการผลิตให้ได้” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ทั้งนี้ รัฐบาลจะเร่งแก้ไขโครงสร้างเศรษฐกิจทั้งภาคเกษตร อุตสาหกรรม และการท่องเที่ยวที่จะมองควบคู่ไปกับการก้าวสู่เศรษฐกิจดิจิตอลและเชื่อมโยงกับเพื่อนบ้าน โดยจะมีการพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดนขึ้นเพื่อที่จะรองรับการแข่งขันในระยะยาว เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ไทยต้องปรับเพื่อให้อยู่ในเวทีโลกได้
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยจากอดีตที่จีดีพีโตเฉลี่ย 9.25% ในช่วงปี 2529-2539 ได้ลดต่ำลงเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันส่วนหนึ่งเกิดจากปัญหาขาดแคลนแรงงาน และอีกส่วนคือการประท้วงด้านสิ่งแวดล้อมจนทำให้อุตสาหกรรมต้นน้ำอย่างปิโตรเคมีขยายเพิ่มไม่ได้ และยังรวมถึงเหล็กต้นน้ำ เมื่อเป็นเช่นนี้ไทยจึงต้องปรับตัวด้านการดึงดูดการลงทุนที่ต้องเน้นนวัตกรรม และรวมถึงการดึงดูดบริษัทต่างชาติเข้ามาตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ (International Headquarter : IHQ) บริษัทการค้าระหว่างประเทศ (International Trading Centers : ITC) เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการค้าและบริการในภูมิภาค
นางหิรัญญา สุจินัย รักษาราชการแทนเลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า การส่งเสริมการลงทุนภายใต้ยุทธศาสตร์ใหม่จะมีผลบังคับสำหรับโครงการที่ยื่นขอรับการส่งเสริมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 เป็นต้นไป โดยหลักๆ จะยกเลิกการให้สิทธิประโยชน์ตามเขตที่ตั้ง เหลือเฉพาะพื้นที่ที่มีรายได้ต่อหัวต่ำใน 20 จังหวัด ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มอีก 3 ปี ส่วนประเภทกิจการที่จะให้ส่งเสริมประมาณ 200 กว่าประเภทกิจการ แต่จะแบ่งออกเป็นกิจการที่ได้รับสิทธิประโยชน์ภาษีเงินได้นิติบุคคลประมาณ 180 กิจการ อีกประมาณ 50 กิจการจะได้รับสิทธิประโยชน์ด้านอากรนำเข้าเครื่องจักร วัตถุดิบ และสิทธิประโยชน์ที่มิใช่ภาษี