ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เพื่อให้ไทยก้าวสู่การเป็น ศูนย์กลางการค้าในภูมิภาค(เทรดดิ้งฮับ)การปรับปรุงกฎระเบียบต่าง ๆ ดำเนินการเสร็จแล้ว เหลือเพียงปรับปรุงระบบภาษีเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งดำเนินการคาดว่า ภายในเดือนธันวาคมนี้ จะเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) พิจารณาได้ โดยเชื่อว่าหลังจากมีผลบังคับใช้แล้ว จะทำให้มีเอกชนทยอยยื่นคำขอตั้งสำนักงานใหญ่ทางด้านการค้าในประเทศไทย เพราะไทยเป็นประเทศที่มีการผลิตสินค้าหลากหลายที่สามารถนำไปทำการค้าได้
สำหรับระบบภาษีที่ปรับปรุงได้แก่ บริษัทลูกในต่างประเทศหากส่งกำไรกลับมาที่ประเทศไทยจะได้รับการยกเว้นภาษี เพราะถือว่า เป็นการทำการค้าในต่างประเทศ การดำเนินการในลักษณะนี้ เป็นการนำกำไรเข้ามาสู่ประเทศไทย
ทั้งนี้หากไม่ดำเนินการให้ไทยเป็นเทรดดิ้งฮับ ซึ่งช่วยเอกชนทั้งไทยและต่างชาติเข้ามาทำการค้าในประเทศไทยแล้ว ความหวังที่ประเทศไทยจะกลับไปมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงเกินกว่า 4% ต่อปีจะเป็นไปได้ยาก เพราะประเทศไทยพัฒนามามากแล้ง ต้นทุนค่าแรงงานสูงและมีปัญหาขาดแคลนแรงงานด้วย ซึ่งประเทศที่มีภาวะเช่นนี้ การลงทุนในประเทศจะขยายตัวไม่มากนัก ส่งผลให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจในภาพรวม แต่ละปีจะไม่สูงมากนัก
ในขณะที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน เมื่อเร็วๆ นี้ เห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เพราะนอกเหนือจากจะเกิดการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ของเอกชนต่างประเทศในไทยแล้ว ยังมีกิจกรรมการต่อเนื่อง เช่น การจัดประชุม การท่องเที่ยวต่างๆ โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ครม.ได้ผ่านความเห็นชอบรัฐบาลชอบปรับปรุงมาตรการส่งเสริมการตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ หรือ International Headquarter (IHQ) และการตั้งบริษัทการค้าระหว่างประเทศ หรือ International Trading Company (ITC) เพื่อให้มีความสะดวก ลดความยุ่งยากซับซ้อน และสอดคล้องกับสิทธิประโยชน์ที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ให้ไว้ และกระทรวงการคลังสนับสนุนโดยลดทุนจดทะเบียนลงเหลือ ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาทต่อปี และมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเมื่อตั้งสำนักงานในไทยไม่ต่ำกว่า 15 ล้านบาทต่อปี ปรุงระเบียบการอนุญาต การออกวีซ่า และใบอนุญาตทำงาน รวมทั้งลดระยะเวลาจดทะเบียนบริษัทลง โดยกรณีที่บริษัทได้รับส่งเสริมการลงทุน จะลดจาก 30 วัน เหลือ 15 วัน และบริษัทที่ไม่ได้รับส่งเสริมการลงทุนจะลดเวลาจาก 60 วันเหลือ 30 วัน
สำหรับระบบภาษีที่ปรับปรุงได้แก่ บริษัทลูกในต่างประเทศหากส่งกำไรกลับมาที่ประเทศไทยจะได้รับการยกเว้นภาษี เพราะถือว่า เป็นการทำการค้าในต่างประเทศ การดำเนินการในลักษณะนี้ เป็นการนำกำไรเข้ามาสู่ประเทศไทย
ทั้งนี้หากไม่ดำเนินการให้ไทยเป็นเทรดดิ้งฮับ ซึ่งช่วยเอกชนทั้งไทยและต่างชาติเข้ามาทำการค้าในประเทศไทยแล้ว ความหวังที่ประเทศไทยจะกลับไปมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงเกินกว่า 4% ต่อปีจะเป็นไปได้ยาก เพราะประเทศไทยพัฒนามามากแล้ง ต้นทุนค่าแรงงานสูงและมีปัญหาขาดแคลนแรงงานด้วย ซึ่งประเทศที่มีภาวะเช่นนี้ การลงทุนในประเทศจะขยายตัวไม่มากนัก ส่งผลให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจในภาพรวม แต่ละปีจะไม่สูงมากนัก
ในขณะที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน เมื่อเร็วๆ นี้ เห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เพราะนอกเหนือจากจะเกิดการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ของเอกชนต่างประเทศในไทยแล้ว ยังมีกิจกรรมการต่อเนื่อง เช่น การจัดประชุม การท่องเที่ยวต่างๆ โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ครม.ได้ผ่านความเห็นชอบรัฐบาลชอบปรับปรุงมาตรการส่งเสริมการตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ หรือ International Headquarter (IHQ) และการตั้งบริษัทการค้าระหว่างประเทศ หรือ International Trading Company (ITC) เพื่อให้มีความสะดวก ลดความยุ่งยากซับซ้อน และสอดคล้องกับสิทธิประโยชน์ที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ให้ไว้ และกระทรวงการคลังสนับสนุนโดยลดทุนจดทะเบียนลงเหลือ ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาทต่อปี และมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเมื่อตั้งสำนักงานในไทยไม่ต่ำกว่า 15 ล้านบาทต่อปี ปรุงระเบียบการอนุญาต การออกวีซ่า และใบอนุญาตทำงาน รวมทั้งลดระยะเวลาจดทะเบียนบริษัทลง โดยกรณีที่บริษัทได้รับส่งเสริมการลงทุน จะลดจาก 30 วัน เหลือ 15 วัน และบริษัทที่ไม่ได้รับส่งเสริมการลงทุนจะลดเวลาจาก 60 วันเหลือ 30 วัน
