นายแพทย์ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้มีการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ (IHQ) และบริษัทการค้าระหว่างประเทศ (ITC) เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการวิสาหกิจในเครือ เพื่อบริหารการเงิน การจัดซื้อ-ขายสินค้าทั้งนำเข้าและส่งออก โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์
หลังจากที่ผ่านมามีอุปสรรคในการการจัดซื้อสินค้า ไม่ได้ครอบคลุมในบริษัทที่ไม่อยู่ในเครือเดียวกัน ทั้งอุปสรรคเกี่ยวกับมาตรการทีมิใช่ภาษี อาทิ การออกวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน ที่กำหนดให้อยู่ในประเทศไทยได้ไม่เกิน 2 ปี และต้องแจ้งที่พักทุก 90 วัน ต่างชาติสามารถทำงานได้ไม่เกิน 10 ปี รวมทั้ง นิติบุคคลต่างด้าวที่ไม่ได้ขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ จะต้องขออนุญาตและจดทะเบียนนิติบุคคลต่างด้าวภายใน60วันและอุปสรรคทางภาษีต่างๆ
ซึ่งมีเงื่อนไขในการใช้สิทธิประโยชน์คือ ต้องมีทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาทขึ้นไป มีธุรกิจหรือสาขาในต่างประเทศอย่างน้อย 1 แห่ง มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับ IHQ อย่างน้อย 15 ล้านบาท เมื่อมาจัดตั้ง IHQ ในไทยจะได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับเครือในต่างประเทศ ส่วนเครือในประเทศเสียภาษีเงินได้นิติบุคลในอัตราร้อยละ 10
นอกจากนี้ ยังยกเว้นภาษี ณ ที่จ่าย สำหรับเงินปันผลที่จ่ายไปยังบริษัทแม่ในต่างประเทศ รวมทั้งยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับยอดขายสินค้าไปต่างประเทศ และลดภาษีเหลือร้อยละ 10 สำหรับยอดขายจากการจัดซื้อวัตถุดิบหรือสินค้ากลางในประเทศ เพื่อส่งออกผลผลิตไปยังต่างประเทศ ส่วนเจ้าหน้าที่ พนักงานบริษัทประจำสาขา จะลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ต่างด้าวในระดับผู้เชี่ยวชาญและผู้บริหาร เหลือร้อยละ 15
ขณะเดียวกัน ยังอำนวยความสะดวกในเรื่องการอนุมัติวีซ่าให้กับเจ้าหน้าที่ต่างชาติในสำนักงานทั้ง 2 ประเภท ตามระยะเวลาที่ขอรับส่งเสริมจากบีโอไอ และปรับลดสัดส่วนการจ้างงานระหว่างคนไทยกับต่างชาติเป็น 1:1 จากเดิม 1:4 ลดระยะเวลาการแจ้งขอหนังสือรับรองเหลือ 15 วัน สำหรับผู้ที่ได้รับส่งเสริมจากบีโอไอ และ 30 วัน สำหรับผู้ที่ไม่ได้ขอส่งเสริมจากบีโอไอ จากเดิม 60 วัน เพื่อนำไปแจ้งจดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
หลังจากที่ผ่านมามีอุปสรรคในการการจัดซื้อสินค้า ไม่ได้ครอบคลุมในบริษัทที่ไม่อยู่ในเครือเดียวกัน ทั้งอุปสรรคเกี่ยวกับมาตรการทีมิใช่ภาษี อาทิ การออกวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน ที่กำหนดให้อยู่ในประเทศไทยได้ไม่เกิน 2 ปี และต้องแจ้งที่พักทุก 90 วัน ต่างชาติสามารถทำงานได้ไม่เกิน 10 ปี รวมทั้ง นิติบุคคลต่างด้าวที่ไม่ได้ขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ จะต้องขออนุญาตและจดทะเบียนนิติบุคคลต่างด้าวภายใน60วันและอุปสรรคทางภาษีต่างๆ
ซึ่งมีเงื่อนไขในการใช้สิทธิประโยชน์คือ ต้องมีทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาทขึ้นไป มีธุรกิจหรือสาขาในต่างประเทศอย่างน้อย 1 แห่ง มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับ IHQ อย่างน้อย 15 ล้านบาท เมื่อมาจัดตั้ง IHQ ในไทยจะได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับเครือในต่างประเทศ ส่วนเครือในประเทศเสียภาษีเงินได้นิติบุคลในอัตราร้อยละ 10
นอกจากนี้ ยังยกเว้นภาษี ณ ที่จ่าย สำหรับเงินปันผลที่จ่ายไปยังบริษัทแม่ในต่างประเทศ รวมทั้งยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับยอดขายสินค้าไปต่างประเทศ และลดภาษีเหลือร้อยละ 10 สำหรับยอดขายจากการจัดซื้อวัตถุดิบหรือสินค้ากลางในประเทศ เพื่อส่งออกผลผลิตไปยังต่างประเทศ ส่วนเจ้าหน้าที่ พนักงานบริษัทประจำสาขา จะลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ต่างด้าวในระดับผู้เชี่ยวชาญและผู้บริหาร เหลือร้อยละ 15
ขณะเดียวกัน ยังอำนวยความสะดวกในเรื่องการอนุมัติวีซ่าให้กับเจ้าหน้าที่ต่างชาติในสำนักงานทั้ง 2 ประเภท ตามระยะเวลาที่ขอรับส่งเสริมจากบีโอไอ และปรับลดสัดส่วนการจ้างงานระหว่างคนไทยกับต่างชาติเป็น 1:1 จากเดิม 1:4 ลดระยะเวลาการแจ้งขอหนังสือรับรองเหลือ 15 วัน สำหรับผู้ที่ได้รับส่งเสริมจากบีโอไอ และ 30 วัน สำหรับผู้ที่ไม่ได้ขอส่งเสริมจากบีโอไอ จากเดิม 60 วัน เพื่อนำไปแจ้งจดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
