อุตสาหกรรมรองเท้าไทยเผยแนวโน้มปี 2558 ต้องดิ้นปรับตัวรับมือการแข่งขันสูง ส่อทยอยเลิกการผลิตหันนำเข้าจากจีนแทนเหตุต้นทุนต่ำกว่า อีกส่วนต้องหนีหันไปผลิตที่เพื่อนบ้านหรือเปิดทางให้เกิดการร่วมทุนกับต่างชาติ แนะรัฐกำหนดนโยบายให้ชัดเจนรับมือ AEC นิ่งเฉยรองเท้าไทยไม่เหลือแน่
นายชนินทร์ จิตต์โกมุท นายกสมาคมรองเท้าไทย เปิดเผยว่า ปี 2558 นับเป็นปีที่ท้าทายความอยู่รอดของผู้ประกอบการรองเท้าไทยที่ส่วนใหญ่เป็นผู้รับจ้างผลิตและมีขนาดกลางและย่อมหรือ SMEs เนื่องจากการแข่งขันในตลาดโลกสูงมากขึ้น โอกาสที่ภาคการผลิตรองเท้าของไทยส่วนหนึ่งอาจต้องหายไปเพราะต้องเลือกปรับตัวด้วยการเลิกทำการผลิตแล้วหันไปนำเข้าสินค้าจากประเทศที่ต้นทุนต่ำโดยเฉพาะจากจีนเข้ามาแทน อีกส่วนหนึ่งจะเกิดการเปิดให้มีพันธมิตรจากต่างชาติเข้ามาร่วมทุน และรายใดที่มีศักยภาพก็จะมองการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
“ขณะนี้เทรนด์เริ่มมาแล้วและมันหลีกเลี่ยงยาก โดยเฉพาะจีนเริ่มเข้ามาหาพันธมิตรเพื่อที่จะร่วมทุนกับผู้ผลิตไทยซึ่ง 3-4 รายที่เป็นรายใหญ่ไปแล้ว และคิดว่าจะมีมากขึ้นเพราะวัตถุดิบต่างๆ ที่ไทยผลิตล้วนนำมาจากจีนหมด ผู้รับจ้างผลิต (OEM) หรือที่ผลิตและทำตลาดเองบางส่วนก็ต้องเลิกไปบ้างแล้วเพราะสู้ต้นทุนไม่ได้ และแฟชั่นเปลี่ยนเร็วทำไม่ทันจีน การเลิกผลิตแล้วหันไปทำการค้าแทนก็จะมีสูงขึ้น” นายชนินทร์กล่าว
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาสมาคมฯ ได้ทำหนังสือไปยังหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงพาณิชย์ ฯลฯ เพื่อให้ภาครัฐได้รับทราบถึงสถานการณ์ในระยะยาวของอุตสาหกรรมรองเท้าไทยที่มีผู้ประกอบการรายใหญ่ 10-20 ราย และ SMEs ประมาณ 400 กว่ารายที่ต้องการทราบถึงทิศทางนโยบายของรัฐในการเตรียมพร้อมการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC เพราะจะมีส่วนสำคัญต่อการเตรียมพร้อมรองรับการแข่งขันที่จะรุนแรงขึ้นเพราะตลาดจะเปิดกว้าง
ปัจจุบันอุตสาหกรรมรองเท้าไทยไม่ได้ด้อยไปกว่าประเทศอื่นๆ หรือคู่แข่ง หากแต่ขาดการบริหารจัดการที่มีศักยภาพเพียงพอโดยเฉพาะนโยบายจากภาครัฐที่จะเข้ามาส่งเสริมและสนับสนุน ตัวอย่างมาเลเซียไม่มีฐานการผลิตรองเท้าเลยหรือมีน้อยมากแต่มาเลเซียกลับนำเอาอุตสาหกรรมรองเท้าให้เป็นสินค้าหนึ่งที่ไปผูกติดกับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวในการกระตุ้นการขายนำโดยกระทรวงท่องเที่ยวของมาเลเซีย แต่ไทยนำโดยกระทรวงพาณิชย์ที่เน้นเพียงการค้าเป็นหลัก
