บีทีเอสยอมรับปีนี้รายได้พลาดเป้า ใกล้เคียงปีก่อนที่ 9 พันล้านบาท เหตุรายได้จากธุรกิจสื่อโฆษณาหดจากภาวะเศรษฐกิจ มั่นใจชนะประมูลเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวที่จะเปิดประมูลต้นปีหน้า เพราะต้นทุนต่ำสุด
นายสุรยุทธ ทวีกุลวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่สายการเงิน บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (BTS) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในงวดปี 2557/2558 (1 เม.ย. 57-31 มี.ค. 58) คาดว่าจะมีรายได้ใกล้เคียงปีที่แล้ว 9,000 ล้านบาท (ไม่รวมการขายกองทุนฯ) ต่ำกว่าเป้าหมาย เนื่องจากรายได้ธุรกิจสื่อโฆษณาในปีนี้ปรับเป้าหมายลงจากเดิมที่คาดว่าจะโต 13-17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ลดลงเหลือ 0-3% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวทำให้การจับจ่ายใช้สอยลดลง แต่เป้าหมายรายได้จากค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสยังโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 6-9% จากจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น และรายได้จากธุรกิจบริการคาดว่าจะโตได้เกินเป้าหมายที่วางไว้ 17%
ขณะที่รายได้จากอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ยังเป็นไปตามเป้าหมาย คาดว่ารับรู้รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัย 800 ล้านบาท และอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ 1,000 ล้านบาท
“ธุรกิจเดินรถไฟฟ้าเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ให้บริษัทอย่างสม่ำเสมอ ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจมากนัก เมื่อเทียบกับธุรกิจสื่อโฆษณาที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมากในปีนี้”
ส่วนความคืบหน้าการเข้าประมูลเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) และสายสีเขียวใต้ (แบริ่ง-สมุทรปราการ) นั้น บริษัทฯ มั่นใจว่าจะชนะประมูลการเดินรถส่วนต่อขยายสายสีเขียวที่คาดว่าจะเปิดประมูลในต้นปี 2558 เนื่องจากบริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวอยู่แล้วทำให้มีต้นทุนน่าจะต่ำกว่าคู่แข่งเพราะใช้รถไฟฟ้าเดิม และยังเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสารที่จะไม่ต้องเปลี่ยนรถด้วย กล่าวได้ว่าบริษัทฯ มีความพร้อมที่สุด
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังสนใจเข้าร่วมประมูลโครงการรถไฟฟ้าขนาดเบา หรือไลต์เรลช่วงบางนา-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งคาดว่ากรุงเทพมหานครจะเปิดประมูลได้ในกลางปี 2558 ส่วนการเดินรถสายสีชมพู และสายสีเทา บริษัทฯ ก็สนใจเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ บริษัทมีกระแสเงินสดประมาณ 3 หมื่นล้านบาท เพียงพอที่จะเข้าร่วมประมูลเดินรถไฟฟ้าได้ เนื่องจากสามารถกู้ยืมจากสถาบันการเงินได้เพิ่ม 3 เท่า โดยบริษัทฯ มีอัตราหนี้สินต่อทุนต่ำมากเพียง 0.03 เท่า ทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน
นายสุรยุทธ์กล่าวต่อไปว่า คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติให้ขายหุ้นใน 2 บริษัทย่อยในสายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินโรงแรมอีสติน แกรนด์ สาธร, ที่ดินบริเวณพญาไทและหมอชิตใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า ให้แก่บริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด(มหาชน) เพื่อแลกกับการเข้าไปถือหุ้นใน NPARK 35-36% และรับรู้กำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์ดังกล่าวหลายพันล้านบาท ทั้งนี้คงต้องรอมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ และ NPARK จะอนุมัติหรือไม่