xs
xsm
sm
md
lg

“พัฒน์กลฯ” โฟกัส 4 ธุรกิจหลัก รับเทรนด์อาเซียนฟู้ดเติบโต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ปิยะ จงวัฒนา” (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานกรรมการบริหาร และ “แสงชัย โชติช่วงชัชวาล” (ที่ 2 จากขวา) กรรมการผู้จัดการ บริษัท พัฒน์กล จำกัด (มหาชน)
ผู้นำธุรกิจเครื่องทำความเย็น ธุรกิจแปรรูปอาหารเหลว ธุรกิจวิศวกรรมแปรรูปอาหาร และธุรกิจเครื่องทำน้ำแข็ง รุกหนักตลาดต่างประเทศ ใช้กลยุทธ์ “One Team One Country” พร้อมนโยบาย “เอาของดีไปขยายในพื้นที่ใหม่

นายแสงชัย โชติช่วงชัชวาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท พัฒน์กล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจหลัก 4 ด้านคือธุรกิจเครื่องทำความเย็น ธุรกิจแปรรูปอาหารเหลว ธุรกิจวิศวกรรมแปรรูปอาหาร และธุรกิจเครื่องทำน้ำแข็ง โดยถือเป็นผู้ประกอบการกลุ่มธุรกิจเครื่องทำความเย็นรายใหญ่ที่สุดในแถบภูมิภาคอาเซียนที่มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทยและใหญ่ที่สุดในอาเซียน โดยสัดส่วนการผลิตปัจจุบันตลาดในประเทศเฉลี่ย 80% และต่างประเทศ 20% โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะเพิ่มสัดส่วนการส่งออกให้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 50:50 ใน 3-5 ปีข้างหน้า ขณะที่ธุรกิจเครื่องทำน้ำแข็งมีการส่งออกผลิตภัณฑ์ไปแล้ว 5 ทวีป กว่า 50 ประเทศ ทำให้มีสัดส่วนการผลิตทั้งตลาดใน 40% และต่างประเทศ 60%

บริษัทฯ มีการขยายตลาดและการลงทุนเพื่อการเจริญเติบโตที่ยั่งยืน โดยมีการลงทุนทั้งในด้านเครื่องจักรและบุคลากรเป็นจำนวนมากเพื่อเตรียมความพร้อมและรองรับการขยายไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยในด้านเครื่องจักรมีการปรับปรุงโรงงานกิ่งแก้วให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น รวมทั้งจัดเป็นศูนย์กระจายสินค้า งานติดตั้งและบริการ และจัดเป็นศูนย์ฝึกอบรม บนพื้นที่ทำงานขนาด 1 หมื่นตารางเมตร รวมถึงมีการติดตั้งเครื่องจักรใหม่ๆ ที่โรงงานพัฒน์กลแมนูแฟคเจอริ่ง จ.เพชรบุรี ขณะที่ด้านด้านบุคลากรต้องใช้เวลาในการฝึกคนเป็นเวลานานถึง 2-3 ปี

บริษัทฯ มีวิสัยทัศน์คือ “พัฒน์กลนำเสนอวิศวกรรมฉันมิตรในกระบวนการผลิตอาหาร ระบบทำความเย็น และเครื่องทำน้ำแข็งของโลก” จึงได้มีการตั้งสำนักงานธุรกิจในประเทศฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม และเมียนมาร์ โดยมีทั้งวิศวกรและทีมงานธุรกิจคนไทยและคนท้องถิ่นร่วมกันทำงาน ส่วนในประเทศกัมพูชาและลาวมีสำนักงานใหญ่ในประเทศไทย

“เรามีความเชื่อมั่นในเรื่องเขตประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยในภูมิภาคอาเซียนมีประชากรรวมกันเกือบ 700 ล้านคน เมื่อเทียบกับประชากรในประเทศไทยกว่า 60 ล้านคน จะเห็นได้ว่าเรายังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะเราเป็นผู้นำในตลาดที่มีความชำนาญมากว่า 50 ปี ทั้งยังเป็นบริษัทไทยที่มีเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพระดับโลก และมีการจดสิทธิบัตรเป็นจำนวนมาก” นายแสงชัย กล่าว

ในการเปิดตลาดต่างประเทศนั้น บริษัทฯ ใช้โมเดลทางธุรกิจและผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จในประเทศไทยนำไปขยายผลในประเทศอื่นๆ เพื่อให้มีมาตรฐานและความชำนาญ แต่สิ่งที่สำคัญคือมีการปรับให้เหมาะกับสภาพเศรษฐกิจและสภาพแวดล้อมของประเทศนั้นๆ รวมถึงเน้นให้มีการบริการทั้งก่อนและหลังการขาย เพื่อให้ลูกค้าได้รับสินค้าและบริการเหมือนในประเทศไทย โดยเรียกนโยบายนี้ว่า “เอาของดีไปขยายในพื้นที่ใหม่” และทีมงาน “1 ทีม 1 ประเทศ” หรือ “One Team One Country” เพื่อให้มีความชำนาญในแต่ละประเทศ

นายแสงชัย กล่าวในตอนท้ายว่า บริษัทฯ ไม่เพียงแต่ขยายตลาดไปยังภูมิภาคอาเซียนเท่านั้น แต่ยังมีการทำธุรกิจไปทั่วโลกกว่า 50 ประเทศทั่วทุกทวีป โดยมีสำนักงานตัวแทนดูแลในประเทศสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ยุโรป ญี่ปุ่น รวมทั้งตะวันออกกลาง และแอฟริกา


กำลังโหลดความคิดเห็น