“เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล” อัดเม็ดเงิน 1,000 ล้านบาท ขยายเพิ่ม 12 สโตร์ในปี 58 ชี้นโยบายภาครัฐทั้งระยะสั้นและระยะยาวสร้างความมั่นใจให้กำลังซื้อดีขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดเท 100 ล้านบาทระเบิดแคมเปญกระเช้าของขวัญปีใหม่ “Season’s Giving 2015” พร้อมกลยุทธ์ VIPS มั่นใจยอดขายทะลุ 600 ล้านบาทโตขึ้น 20% รั้งบัลลังก์ผู้นำตลาดกระเช้าปีใหม่ร่วม 40%
นางสาวภัทรพร เพ็ญประพัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ผู้บริหาร เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, ท็อปส์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์, ท็อปส์ ซูเปอร์คุ้ม, ท็อปส์ ซูเปอร์คุ้ม ขายส่ง, ท็อปส์ ซูเปอร์ และท็อปส์ เดลี่ เปิดเผยว่า ในปี 2558 ตามแผนการดำเนินงานเบื้องต้นจะมีการขยายสาขาไปกับกลุ่มเซ็นทรัลและโรบินสัน ประมาณ 12 สโตร์ ได้แก่ ท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์ 1 สาขา, ท็อปส์ มาร์เก็ต 6 สาขา เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ 1 สาขา และโมเดลอื่นๆ อีก 4 สาขา
นอกจากนี้ยังมีแผนขยายสาขาเพิ่มเติมไปกับโครงการอื่นๆ ด้วยแต่ยังไม่สรุป รวมถึงการรีโนเวตในสาขาต่างๆ เพิ่มเติม และโมเดลใหม่ๆ ที่ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ได้มา รวมแล้วน่าจะใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่าปีนี้ที่ใช้ไปกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบลงทุนขยายสาขาในแต่ละปี จากปัจจุบันมีจำนวนสโตร์ทั้งหมด 148 สโตร์ และจะเปิดเพิ่มอีก 5-6สโตร์ในเดือน พ.ย.-ธ.ค.57 เช่น ท็อปส์ ซูเปอร์คุ้ม 1 สโตร์ เป็นต้น รวมแล้วถึงสิ้นปีจะมีทั้งสิ้น 154 สโตร์
ส่วนงบการตลาดในช่วง 2 เดือนสุดท้ายนี้รวมแล้วจะใช้ประมาณ 150 ล้านบาท แบ่งเป็น 100 ล้านบาทสำหรับแคมเปญ “กระเช้าของขวัญปีใหม่ Season’s Giving 2015” ที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย.57-13 ม.ค.58 และอีก 50 ล้านบาทสำหรับอีก 1-2 แคมเปญช่วงปลายปี อาทิ “ท็อปส์ ออฟ เดอะ เยียร์” โดยเชื่อมั่นว่ายอดขายในช่วง 2 เดือนสุดท้ายนี้จะทำได้ 20% ของรายได้รวมทั้งปีที่เป้าเติบโตไว้กว่า 12% สูงกว่าภาพรวมตลาดโมเดิร์นเทรดที่คาดการณ์ว่าปีนี้จะเติบโตเพียง 6-7% เท่านั้น
สำหรับแคมเปญ “กระเช้าของขวัญปีใหม่ Season’s Giving 2015” บริษัทจะใช้กลยุทธ์ VIPS สนองความต้องการของผู้บริโภคซึ่งประกอบด้วย Variety, Image, Product Quality และ Service ด้วยกระเช้ากว่า 150 แบบให้เลือก ราคาตั้งแต่ 189-21,490 บาท และกิฟต์เซ็ตอีกกว่า 1,000 รายการ พร้อมส่วนลดกว่า 35% ที่ร่วมกับสถาบันการเงิน 9 แห่ง มั่นใจว่าจะสร้างยอดขายได้กว่า 600 ล้านบาท โตขึ้นจากปีก่อน 20% และยังคงเป็นผู้นำตลาดกระเช้าปีใหม่ด้วยส่วนแบ่งไม่ต่ำกว่า 40% จากภาพรวมตลาดปีนี้ที่น่าจะมีมูลค่า 1,300 ล้านบาท โตจากปีก่อน 10% โดยกระเช้าที่ขายดีสุดอยู่ที่ 500-1,000 บาท แต่สำหรับเซ็นทรัล กระเช้าที่ขายดีสุดอยู่ที่ 1,500-2,000 บาท และ 3,000 บาทขึ้นไป
นางสาวภัทรพร กล่าวต่อว่า กำลังซื้อช่วงปลายปีนี้พบว่ามีแนวโน้มดีกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เห็นได้จากการซื้อเฉลี่ยต่อกระเช้าสูงขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งในแง่ลูกค้าองค์กรพบว่ามีการสั่งซื้อกระเช้าจบแล้วตั้งแต่เดือน ต.ค.ที่ผ่านมา คิดเป็นสัดส่วน 25% ของกระเช้าทั้งทั้งหมด และอีก 75% มาจากลูกค้าทั่วไปซึ่งมีการซื้อครั้งละหลายๆ กระเช้า
ทั้งนี้ มองว่ากำลังซื้อจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องไปจนถึงต้นปีหน้าจากนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลที่มีทั้งแผนระยะสั้นและระยะยาวออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลต่อความมั่นใจของผู้บริโภคให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น
