ASTVผู้จัดการรายวัน - “กู๋” เชียร์เรียงช่องทีวีดิจิตอล เชื่อเข้าสู่การแข่งขันจริง พร้อมทุ่มอีก 3,000 ล้านบาทลุยทีวีดิจิตอล 2 ช่องปีหน้า มั่นใจรายได้มากกว่า 2,000 ล้านบาท คุ้มทุนสิ้นปี 58 ฟากศึก “กล่องทีวีดิจิตอล” ร้อน “จีเอ็มเอ็ม แซท” ผนึก “ล็อกซเล่ย์” ส่งกล่อง “จีเอ็มเอ็ม แซท ซีซั่น บาย ล็อกซเล่ย์” ราคา 999 บาท พร้อมเสาอากาศ มัดใจคนกรุงที่อาศัยตามคอนโดมิเนียม หวังแชร์ 10% ตลอดโครงการแจกคูปอง ส่งปี 58 รายได้โตเพิ่มอีก 10% จากปีนี้ปิดรายได้ 900 ล้านบาท
นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมรายได้บริษัทถึงสิ้นปีนี้มั่นใจว่าจะพ้นภาวะขาดทุนแน่นอนและจะเริ่มเห็นกำไรในปีหน้า หลังจากที่แก้ปัญหาด้วยการขายธุรกิจเพย์ทีวีให้ บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) ไปเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทฯ พร้อมที่จะลงทุนในส่วนธุรกิจทีวีดิจิตอลเต็มที่ โดยมองว่าหลังจบปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโครงข่าย, ปัญหาช่อง 3 และการเรียงช่องแล้วจะเป็นการเข้าสู่การแข่งขันที่แท้จริง
ในปี 2558 บริษัทฯ พร้อมใช้งบกว่า 3,000 ล้านบาทสำหรับการทยอยเพิ่มคอนเทนต์และพัฒนาช่องทีวีดิจิตอล 2 ช่องที่ประมูลมาอย่างเต็มรูปแบบ คือ ช่อง ONE HD และ GMM Channel มั่นใจว่ารายได้ของทั้ง 2 ช่องจะทำได้คุ้มทุนร่วม 2,000 กว่าล้านบาท หรืออย่างน้อยต่อช่องจะมีรายได้ที่ 1,000 ล้านบาท อันเป็นผลมาจากคอนเทนต์ต่างๆ ที่สร้างกระแสได้ดี เช่น ฮอร์โมน, สงครามนางฟ้า และคลับฟลายเดย์ เป็นต้น
“การเรียงช่องทีวีดิจิตอลตั้งแต่หมายเลข 1-36 เป็นเรื่องที่ดี และเห็นด้วยอย่างยิ่งว่าจะส่งผลให้ทีวีดิจิตอลเกิดเร็วขึ้น แม้ว่าแกรมมี่จะเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มหนึ่งก็ตาม โดยมองว่าทีวีดิจิตอลยังเป็นธุรกิจที่เป็นโอกาสทองของผู้มีคอนเทนต์ สำหรับแกรมมี่จะเป็นธุรกิจที่แข็งแกร่งและเติบโตได้ไม่จำกัด ซึ่งจะส่งผลต่อหุ้นของบริษัทให้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากที่ผ่านมามีข้อจำกัดในการนำเสนอคอนเทนต์ ทำให้รายได้เติบโตลำบาก” นายไพบูลย์กล่าวเสริม
*** “แกรมมี่” ลุยขายกล่อง T2 หวังแชร์ 10% ***
นายฟ้าใหม่ ดำรงชัยธรรม ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มงานแพลตฟอร์ม บริษัท แซท เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ จับมือกับ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) ในการผลิตและจัดจำหน่ายกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอล ภายใต้แบรนด์ “จีเอ็มเอ็ม แซท ซีซั่น บาย ล็อกซเล่ย์” ซึ่งเป็นกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอล รุ่น T2 ระดับไฮเอนด์ เริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่ พ.ย.ศกนี้ ในราคา 999 บาท พร้อมเสาอากาศ เหมาะสำหรับกลุ่มคนเมือง โดยเฉพาะกลุ่มที่อาศัยในคอนโดมิเนียม
บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถจำหน่ายได้กว่า 10% ของจำนวนการแจกคูปองล็อตแรก จำนวน 4 ล้านใบ หรือตลอดทั้งโครงการการแจกคูปองมั่นใจว่าจะมีส่วนแบ่งได้ 10% เช่นกัน ภายใต้ช่องทางจำหน่ายใหม่คือ สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส 23 สถานี รวมถึงช่องทางอื่นๆ เช่น เทสโก้โลตัส, โฮมโปร, ร้านอมร, ทีดับบลิวแซท, ไอทีซิตี้, ซีเจเอ็กซ์เพรส และเดอะมอลล์ เป็นต้น
“แม้ว่าราคากล่องจีเอ็มเอ็ม แซท ซีซั่น บาย ล็อกซเล่ย์ จะสูงกว่ามูลค่าคูปอง แต่ด้วยราคาที่มาพร้อมกับเสาอากาศและโปรโมชันอีก 8 รายการ มูลค่ากว่า 3,000 บาท มั่นใจว่าจะเป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคได้ โดยเฉพาะกลุ่มที่อาศัยตามคอนโดมิเนียมที่มีกฎข้อบังคับต่างๆ การติดตั้งกล่องจีเอ็มเอ็ม แซท ซีซั่น บาย ล็อกซเล่ย์ จะสะดวกและติดตั้งง่าย อีกทั้งมั่นใจว่ากลุ่มลูกค้าจากกลุ่มที่ติดกล่องดาวเทียมอยู่แล้วและกลุ่มที่ดูรายการโทรทัศน์จากเสาอากาศอีก 20% จากฐานจำนวนครัวเรือนทั้งหมดจะเป็นอีกกลุ่มที่เลือกใช้กล่อง จีเอ็มเอ็ม แซท ซีซั่น บาย ล็อกซเล่ย์"
นายฟ้าใหม่กล่าวอีกว่า หลังจากนี้จะมีการนำเสนอกล่องทีวีดิจิตอลออกมาอีกหลายรุ่น ขณะเดียวกันยังคงจำหน่ายกล่อง “จีเอ็มเอ็ม แซท” อีก 3 รุ่นในตลาดซึ่งถือเป็นธุรกิจหลัก โดยสิ้นปีนี้มองว่าบริษัทฯ จะมีรายได้กว่า 800-900 ล้านบาท ตามแผนที่วางไว้ ส่วนรายได้จากกล่องทีวีดิจิตอลจะเข้ามาในปีหน้า หรือมีสัดส่วนรายได้ที่ 25% และอีก 75% มาจากกล่อง จีเอ็มเอ็ม แซท โดยมองว่าในปีหน้าบริษัทฯ น่าจะมีรายได้เติบโตขึ้นอีก 10% หรือมีรายได้ที่ 1,000 ล้านบาท
ด้าน นายยุทธพร จิตตเกษม ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ กลุ่มธุรกิจบริการ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า การจับมือกับทาง “จีเอ็มเอ็ม แซท” ครั้งนี้เป็นการลงทุนกว่า 400 ล้านบาท โดยทาง “ล็อกซเล่ย์” จะดูแลในเรื่องฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ส่วน “จีเอ็มเอ็ม แซท” จะดูเรื่องการทำตลาดและการขาย ขณะที่รายได้จะแบ่งกันที่ 50% เท่าๆ กัน
ตามแผนการดำเนินงาน บริษัทฯ เตรียมจำหน่ายกล่อง “จีเอ็มเอ็ม แซท ซีซั่น บาย ล็อกซเล่ย์” และอุปกรณ์ในการรับชมทีวีดิจิตอลทั้งหมด 4 รุ่น คือ “รุ่น T2” ราคา 999 บาท พร้อมเสาอากาศ ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 5 แสนเครื่องภายในครึ่งปีหน้า “รุ่น ไฮบริด” ซึ่งดูได้ทั้งทีวีดิจิตอลและไอพีทีวี ราคา 3,000 กว่าบาท เจาะกลุ่มไฮเอนด์ที่มีอินเทอร์เน็ตที่บ้าน ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 3 แสนกล่อง “รุ่น สปีด” ราคา 3,000 กว่าบาท เป็นกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอลในรถยนต์ ตั้งเป้ายอดขาย 3-5 หมื่นเครื่อง “รุ่น ดองโก้” ราคาไม่เกิน 1,000 บาท เป็นอุปกรณ์ต่อพ่วงสำหรับดูทีวีดิจิตอลบนมือถือและแท็บเล็ตที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ในรูปแบบแพดทีวี ตั้งเป้ายอดขายที่ 3-5 หมื่นเครื่องเช่นกัน