“ประสงค์” ยันต้องทุบ “ซิตี้ การ์เด้น” ของคิงเพาเวอร์ในปี 60 เพื่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าเชื่อมต่อกับอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ แต่จะพิจารณาหาพื้นที่ชดเชยให้ ยันไม่ทราบเป็นส่วนเกินจากสัมปทาน เผยบอร์ด ทอท.สรุปแผนลงทุนสุวรรณภูมิเฟส 2 ล่าสุด วงเงิน 6.6 หมื่นล้าน เร่ง 3 กลุ่มงานหลัก Remote Parking 28 หลุมจอด, อุโมงค์เชื่อมต่อในเขตปฏิบัติการบิน วงเงิน 1.8 หมื่นล้าน เสร็จปี 60 รันเวย์ 3 ความยาว 3,700 เมตร วงเงิน 1.9 หมื่นล้าน เสร็จปี 62 และ Multi-Function Terminal วงเงิน 2.9 หมื่นล้าน จ่อชง ครม.พิจารณาในเดือน ธ.ค.นี้
นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากรในฐานะประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด ทอท.วานนี้ (28 ต.ค.) ได้มีมติเห็นชอบรายละเอียดการลงทุนพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เฟส 2 (ปีงบประมาณ 2554-2560) วงเงิน 6.6 หมื่นล้านบาท มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2560 โดยแผนการดำเนินงานประกอบด้วย 1. งานก่อสร้างลานจอดอากาศยานระยะไกล จำนวน 28 หลุมจอด (Remote Parking) พื้นที่รวม 960,000 ตารางเมตร, งานก่อสร้างอุโมงค์ส่วนต่อขยาย เพื่อใช้เป็นถนนเชื่อมต่อในเขตปฏิบัติการบิน รวมถึงงานไฟฟ้าเครื่องกลภายในอุโมงค์ งานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค เช่น สถานีไฟฟ้าย่อย ระบบประปา ระบบบำบัดน้ำเสีย วงเงินรวม 18,000 ล้านบาท มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2560
2. โครงการก่อสร้างทางวิ่ง (รันเวย์) ที่ 3 ระยะทาง 3,700 เมตร วงเงิน 19,000 ล้านบาท เพื่อมาช่วยแบ่งเบาทางวิ่งที่ 1 และ 2 ที่ต้องปิดซ่อมเป็นระยะ และอีก 2 ปีจะต้องปิดซ่อมบำรุงใหญ่ โดยขณะนี้ ทอท.ได้ว่าจ้างที่ปรึกษาศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ (EHIA) ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนพฤศจิกายนนี้ แต่เนื่องจาก ทอท.มีความจำเป็นจึงจะเสนอให้ดำเนินการก่อสร้างทางวิ่งสำรองความยาว 2,900 เมตรก่อน โดยจะแล้วเสร็จในปี 2560 และเมื่อได้รับการอนุมัติ EHIA แล้วจะก่อสร้างให้ความยาวถึง 3,700 เมตรต่อไป โดยจะแล้วเสร็จในปี 2562
3. โครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ด้านทิศเหนือของท่าอากาศยาน (Multi-Function Terminal) พื้นที่รวม 214,000 ตารางเมตร วงเงิน 29,000 ล้านบาท แบ่งเป็น งานออกแบบและก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 งานออกแบบและก่อสร้างระบบขนส่งผู้โดยสาร งานออกแบบและก่อสร้างอาคารจอดรถยนต์ ระบบถนนภายในท่าอากาศยาน ระบบสาธารณูปโภค รวมทั้งงานศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ซึ่งภายในอาคารนี้จะมีระบบการให้บริการครบถ้วน ทั้งเช็กอิน โหลดกระเป๋า ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ซึ่งจะช่วยลดความแออัดของอาคารหลังเดิมได้มาก
โดยในส่วนของอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ ด้านทิศเหนือจะอยู่ใกล้กับอาคารหลังเดิม โดยจะมีระบบรถไฟฟ้าหรือโมโนเรลเชื่อมต่อ ซึ่งจะต้องมีการงทุบโครงการซิตี้ การ์เด้นซึ่งเป็นร้านค้าในอาคารผู้โดยสารหลักของบริษัท คิงเพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป ที่ก่อสร้างเป็นอาคาร 2 ชั้น เนื่องจากเป็นตำแหน่งของสถานีรถไฟฟ้าพอดี ซึ่งจะต้องดูสัญญาก่อนว่าจะต้องชดเชยพื้นที่ดังกล่าวอย่างไรหรือไม่ เพราะเป็นพื้นที่ที่บริษัทจ่ายค่าเช่าให้ ทอท. ส่วนจะเป็นพื้นที่เกินจากสัมปทานหรือไม่ ขอไปดูรายละเอียดก่อนแต่ ทอท.มีความจำเป็นที่ต้องใช้พื้นที่ในปี 60
รายงานข่าวแจ้งว่า โครงการซิตี้การ์เด้นดังกล่าวมีพื้นที่ 1,500 ตารางเมตร มีพื้นที่ใช้สอย 2,500 ตารางเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนเกินจากสัญญาสัมปทาน และเคยถูกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) สอบสวนสมัยรัฐบาล คมช. แต่เมื่อเปลี่ยนเป็นรัฐบาลพรรคพลังประชาชนได้มีการไกล่เกลี่ยคดีคิงเพาเวอร์จนยุติข้อพิพาท และสรุปให้มีการประเมินพื้นที่ส่วนเกิน โดยให้ ทอท.เก็บเป็นค่าเช่าเพิ่ม ในส่วนของดิวตี้ฟรียังมีพื้นที่ส่วนเกินดังกล่าว
นายประสงค์กล่าวว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะเสนอรายละเอียดไปยังกระทรวงคมนาคมได้ จากนั้นจะเร่งจัดทำแผนการใช้เงินแต่ละปี เริ่มตั้งแต่ปี 2558-2561 โดยคาดว่าแผนการเงินจะเสร็จสิ้นภายในเดือนธันวาคมนี้ ก่อนนำส่งไปยังกระทรวงคมนาคมและแจ้งไปยังสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป ซึ่งในปี 2558 จะเป็นช่วงเวลาที่ ทอท.ทำการออกแบบ ร่างเงื่อนไขการประกวดราคา (TOR) และประกวดราคาทั้ง 3 งานดังกล่าว
“อาคารผู้โดยสารใหม่นี้จะให้บริการได้ทั้งผู้โดยสารภายในประเทศและระหว่างประเทศรองรับได้ 20 ล้านคนต่อปี หากบริหารจัดการดีๆ จะได้มากกว่า 20 ล้านคน รวมกับอาคารเดิมที่รับได้ถึง 48 ล้านคน รวมแล้วหากเฟส 2 เสร็จจะรับได้ถึง 68 ล้านคนต่อปี คาดว่าจะเปิดประมูลทั้ง 3 งานพร้อมกันประมาณไตรมาสสุดท้ายของปี 2558 และคาดว่าจะเริ่มงานก่อสร้างได้บางส่วนช่วงปลายปี 2558 เลย โดยรันเวย์สำรองจะเสร็จในปี 2560 ส่วนงานที่เหลือทั้งหมดจะเสร็จภายในปี 2561 และยืนยันอีกครั้งว่า ทอท.สามารถใช้เงินสดและรายได้แต่ละปีมาลงทุนโดยไม่ต้องกู้เงินเพิ่ม” นายประสงค์กล่าว
สำหรับแผนงานตามโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 2 ส่วนที่เหลือซึ่งได้รับความเห็นชอบจาก ครม.ก่อนหน้านี้แล้ว คือ งานก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 งานก่อสร้างอาคารจอดรถยนต์ อาคารสำนักงาน ทอท. จะมีการพิจารณาในระยะต่อไป เพื่อทบทวนรูปแบบการก่อสร้างให้มีความเหมาะสม ไม่กระทบต่อสภาพคล่องของ ทอท.