“พาณิชย์” เล็งยุบ 3 ออฟฟิศทูตพาณิชย์ในอิตาลี ฮังการี และกานา หลังพบมีภารกิจน้อย ไม่คุ้มค่าส่งคนไปอยู่ พร้อมย้ายสำนักงานเมืองซีอานไปชิงเต่า อาบูจาไปลากอส รองรับการค้าที่เพิ่มขึ้น ผุดไอเดียจ้างตัวแทนการค้าช่วยดันส่งออกไทยในตลาดใหม่ที่แอลจีเรีย คาซัคสถาน และเปรู เผยคัดแล้ว สินค้าและบริการไทยที่เป็นเบสต์ออฟอาเซียน
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้เสนอ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อพิจารณาปรับโครงสร้างสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สคร.) โดยเห็นควรให้มีการปิดสำนักงาน 3 แห่ง คือ ที่อิตาลี ปิดสำนักงานที่กรุงโรมหรือเมืองมิลานที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งโรมเป็นแคว้นทางใต้ เป็นศูนย์กลางการเกษตรและท่องเที่ยว ส่วนมิลานเป็นแคว้นทางเหนือ เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของอิตาลี ที่ฮังการี ปิดสำนักงานกรุงบูดาเบสต์ เพราะเป็นประเทศมีกำลังซื้อน้อย มีกิจกรรมส่งเสริมการค้าน้อย ให้ประเทศใกล้เคียงดูแลได้ และที่กานา ปิดสำนักงานกรุงอักกรา เพราะที่ผ่านมาการค้ากับไทยเกือบครึ่งเป็นสินค้าข้าว สามารถให้สำนักงานที่ไนจีเรียดูแลแทนได้
ขณะเดียวกัน ได้เสนอให้มีการปรับย้ายที่ตั้งสำนักงานใหม่เพื่อให้มีส่วนช่วยในการขยายตลาดสินค้าและบริการไทยได้เพิ่มขึ้น โดยจะย้ายสำนักงานเมืองซีอาน ประเทศจีน ไปยังเมืองชิงเต่า เพราะซีอานเป็นเมืองท่องเที่ยวและวัฒนธรรมโบราณของจีน มีขนาดเศรษฐกิจเล็ก แต่ชิงเต่ามีท่าเรือน้ำลึกใหญ่เป็นอับดับ 4 ในจีน เป็นหน้าต่างการค้ากับต่างประเทศของจีนในภาคกลางและภาคตะวันออก และเป็นศูนย์กลางการค้าขายยางพารา และย้ายสำนักงานอาบูจา ประเทศไนจีเรีย ไปยังเมืองลากอส เพราะ 90% ของผู้นำเข้าไนจีเรียอยู่ที่ลากอส และลากอสยังเป็นศูนย์กลางธุรกิจการค้าและการเงิน กระจายสินค้า รวมทั้งเป็นศูนย์กลางแสดงสินค้านานาชาติของไนจีเรีย
นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะจ้างตัวแทนการค้าเพื่อทำหน้าที่ในการส่งเสริมและผลักดันการส่งออกสินค้าไทยไปยังตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ เพราะการว่าจ้างจะมีความคล่องตัวมากกว่าการไปจัดตั้งสำนักงานทูตพาณิชย์แห่งใหม่ โดยมีค่าใช้จ่ายเพียงแค่ 1 ใน 4 ของการจัดตั้งสำนักงาน ซึ่งเบื้องต้นมีเป้าหมายใน 3 ประเทศ คือ แอลจีเรีย คาซัคสถาน และเปรู
โดยที่แอลจีเรียจะจ้างตัวแทนการค้าให้ประจำอยู่ที่กรุงแอลเจียร์ เพราะเป็นประเทศที่ร่ำรวยจากการค้าน้ำมัน มีกำลังซื้อสูงมาก โดยมีรายได้ต่อหัว 5,886 เหรียญสหรัฐต่อปี มีความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภค อาหารฮาลาล ชิ้นส่วนรถยนต์ ซึ่งเป็นสินค้าที่ไทยมีศักยภาพสูง ที่คาซัคสถาน จ้างให้ประจำที่กรุงอัสตานา เพราะคาซัคสถานเป็นกลุ่ม CIS มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากรัสเซีย และมีกำลังซื้อสูง มีรายได้ต่อหัว 12,950 เหรียญสหรัฐต่อปี และที่เปรู จัดให้ประจำที่กรุงลิมา เพราะไทยมี FTA ไทย-เปรู สามารถใช้เป็นประตูการค้าเข้าสู่ภูมิภาคละตินอเมริกาได้
พร้อมกันนี้ จะส่งข้าราชการไปทำงานในสำนักงานของกระทรวงอื่นๆ ที่เปิดอยู่แล้ว เพื่อให้สอดคล้องกับการทำงานในนามทีม ไทยแลนด์ โดยเบื้องต้นเล็งไว้ที่เมืองกัลกัตตา ประเทศอินเดีย เพราะเป็นเมืองเศรษฐกิจอันดับ 4 ของอินเดีย เป็นจุดยุทธศาสตร์ในการเชื่อมภูมิภาคอาเซียนกับเอเชียใต้ ซึ่งจะเป็นการช่วยงานสำนักงานเดิมที่มีอยู่ 3 แห่ง คือ กรุงนิวเดลี เมืองมุมไบ และเมืองเจนไน ได้เป็นอย่างดี
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้มีการหารือร่วมกับภาคเอกชน เพื่อผลักดันสินค้าไทยที่จะโปรโมตว่าเป็นสินค้าที่ดีที่สุดในอาเซียน หรือเบสต์ออฟอาเซียนแล้ว โดยเบื้องต้นได้คัดมารวม 6 สินค้า ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม เครื่องใช้ในครัว เครื่องจักรกลการเกษตร แฟชั่นและไลฟ์สไตล์ เครื่องกีฬา ผลไม้สด และธุรกิจบริการ เช่น สุขภาพ ความงาม สปา ก่อสร้าง ร้านอาหาร ร้านกาแฟ อีเวนต์ ออแกไนเซอร์ ภาพยนตร์ ละครไทย และโรงเรียนสอนมวยไทย เป็นต้น โดยแผนการโปรโมตจะแยกอาเซียนออกเป็น 2 ตลาด คือ อาเซียนเดิม 5 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ บรูไน มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ และอาเซียนใหม่ 4 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม