เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - รัฐบาลอินเดียแต่งตั้งบริษัทจากจีน ฝรั่งเศส และสเปน ในวันพุธ (23 ก.ย.) ให้ทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการก่อสร้างโครงการ “รถไฟความเร็วสูง” 3 เส้นทางซึ่งจะเชื่อมเมืองสำคัญของประเทศเข้าด้วยกัน รองรับการเติบโตของเศรษฐกิจอินเดีย
คำแถลงซึ่งถูกเผยแพร่โดยกระทรวงกิจการรถไฟของอินเดียระบุว่า บรรษัทรถไฟแห่งชาติของจีน ได้รับการว่าจ้างจากรัฐบาลอินเดียให้ทำการศึกษาความเป็นไปได้ และความเหมาะสม ตลอดจน ผลกระทบของการก่อสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงความยาว 1,200 กิโลเมตรที่จะเชื่อมต่อระหว่างกรุงนิวเดลี เมืองหลวงของประเทศ กับนครมุมไบ ที่ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางทางการเงินและเศรษฐกิจของประเทศ
ขณะเดียวกัน บริษัทซีสตรา เอ็นจิเนียริง (SYSTRA) จากประเทศฝรั่งเศส ได้รับว่าจ้างให้ศึกษาความเป็นไปได้ในการก่อสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงสายที่เชื่อมต่อระหว่างนครมุมไบ กับเมืองเชนไน ซึ่งถือเป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคใต้ของอินเดีย
ส่วนบริษัทที่ปรึกษาด้านการขนส่งชื่อดังจากสเปนอย่าง “อิเนโก” ได้รับว่าจ้างจากรัฐบาลอินเดียให้ศึกษาความเหมาะสมของการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงที่จะเชื่อมต่อระหว่างกรุงนิวเดลีกับนครกัลกัตตา ที่เป็นเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดทางภาคตะวันออกของอินเดีย
ทั้งนี้ รัฐบาลอินเดียชุดปัจจุบันภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี มีแผนปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศแบบขนานใหญ่เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดียที่คาดว่าอาจสามารถก้าวแซงหน้าจีนขึ้นเป็นเขตเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของเอเชียภายในระยะเวลาไม่เกิน 20 ปีข้างหน้า
หนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีโมดีให้ความสำคัญเป็นลำดับแรก คือ การเดินหน้าพัฒนาระบบรถไฟของประเทศที่ล้าหลัง และแทบไม่เคยถูกยกเครื่องเลยนับตั้งยุคที่อินเดียยังตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ เห็นได้จากการที่รถไฟที่มีความเร็วสูงที่สุดของอินเดียในเวลานี้สามารถวิ่งให้บริการได้ที่ความเร็วสูงสุดเพียง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น ความเร็วดังกล่าวนี้ถือเป็นอัตราที่ช้ากว่ารถไฟที่เร็วที่สุดของจีนถึง 1 ใน 3
อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวทางการทูตในกรุงนิวเดลีเผยว่า รัฐบาลอินเดียภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี มีแนวโน้มจะใช้แหล่งเงินกู้ภายในประเทศร่วมกับการขอกู้เงินจากสถาบันการเงินต่างประเทศ สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงทั้ง 3 เส้นทางหากผลการศึกษาออกมาเป็นที่น่าพอใจ ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าบริษัทต่างประเทศที่จะได้เข้ามาดูแลการก่อสร้างโครงการเมกะโปรเจกต์นี้ในอนาคตจะต้องยอมถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับทีมผู้เชี่ยวชาญของอินเดีย และต้องใช้แรงงานที่เป็นชาวอินเดียเกือบทั้งหมดในการก่อสร้าง เพื่อกระตุ้นการจ้างงานในประเทศ