เกมการเมืองถล่มสิ่งพิมพ์ “อมรินทร์พริ้นติ้งฯ” โอดครึ่งปีแรกทรุดโฆษณาร่วง ฝากความหวังไว้กับอีเวนต์ปลายปี พร้อมจัดแผนใหม่รับมือออกนิตยสารฉบับพิเศษกระตุ้นรายได้ ลุ้นสิ้นปีกลับมาโตได้ 10% จาก 2,000 กว่าล้านบาทในปีก่อน แย้มเจ็บหนักดิจิตอลทีวีไม่เป็นดังฝัน ปีหน้าฮึดลุยใหม่
นางระริน อุทกะพันธุ์ ปัญจรุ่งโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่มธุรกิจสิ่งพิมพ์ถือเป็นธุรกิจหลักของเครืออมรินทร์ แต่ช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาพบว่ารายได้ไม่เป็นไปตามที่วางไว้ เนื่องมาจากสภาพการเมืองที่เกิดขึ้น รวมถึงสภาพเศรษฐกิจ ส่งผลให้บริษัทต้องมีการปรับแผนรับมือเพื่อสร้างรายได้เพิ่ม เช่น การออกนิตยสารฉบับพิเศษมากขึ้น มีการรวมเล่ม และออกพ็อกเกตบุ๊กฉบับพิเศษ ปรับหัวนิตยสารให้มีความทันสมัยมากขึ้น เป็นต้น รวมถึงเน้นช่องทางออนไลน์มากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจากสภาพการเมืองที่เริ่มคลี่คลายจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ช่วงครึ่งปีหลังโดยเฉพาะในไตรมาสสี่จะกลับมาดีเช่นเดิม ทั้งนี้ ทางบริษัทยังพร้อมจัดงานอีเวนต์และงานแฟร์จำนวนกว่า 6 งานในช่วงครึ่งปีหลังนี้ รวมถึงเพิ่มจัดงานแฟร์ย่อยอีกส่วนหนึ่ง เช่น ในช่วงปลายปีนี้จะจัดงานแฟร์ “บ้านและสวน” ในเดือน พ.ย.นี้ คู่กับงาน “เฮลท์ คูซีน แอนด์ บิวตี้ เฟสติวัล” คาดว่ากลุ่มธุรกิจการจัดงานแฟร์นี้จะเติบโตมากขึ้น เนื่องจากในช่วงไตรมาสสุดท้ายเป็นช่วงฤดูกาลขายสินค้า จึงคาดว่าลูกค้าจะมีความต้องการจัดงานเพื่อกระตุ้นยอดขายมากขึ้น
มั่นใจว่าจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ทั้งปีนี้กลุ่มธุรกิจสิ่งพิมพ์จะกลับมาเติบโตได้ที่ 10% จากรายได้ 2,000 ล้านบาทที่ปิดไปเมื่อปี 2556 ที่ผ่านมา แบ่งเป็น พรินติ้ง-รับจ้างพิมพ์ 30% โฆษณาและนิตยสาร 30% การจำหน่ายหนังสือเล่ม 30% และการจัดงานแฟร์ รวมถึงสื่อนิวมีเดียต่างๆ 10%
นางระรินกล่าวต่อว่า สำหรับธุรกิจโทรทัศน์ หลังการประมูลช่องดิจิตอลทีวีเมื่อต้นปีที่ผ่านมา กับช่องอมรินทร์ทีวีนั้น พบว่าในแง่รายได้ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ เนื่องจากปีนี้มีอุปสรรคและปัญหาที่ส่งผลให้ภาพรวมอุตสาหกรรมดิจิตอลทีวีไม่เป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ ในส่วนของบริษัทเองยอมรับว่าการลงทุนในปีนี้ยังไม่ได้ลงจริงจังมากนัก เนื่องจากมองเห็นความไม่ชัดเจนหลายๆ อย่าง เช่น การแจกคูปอง และการวัดเรตติ้งช่องดิจิตอลทีวี เป็นต้น
แต่หากทุกอย่างคลี่คลาย ในปีหน้าบริษัทพร้อมลงทุนในช่องอมรินทร์ทีวีอย่างเต็มที่ จากปัจจุบันเริ่มพบว่าลูกค้าที่ลงโฆษณาในช่องอมรินทร์ทีวีส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าไดเรกต์ ซึ่งมีจำนวนมากกว่าลูกค้าเอเยนซี เนื่องจากเอเยนซียังคงรอดูสถานการณ์ของทีวีดิจิตอลโดยรวม
นางระริน อุทกะพันธุ์ ปัญจรุ่งโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่มธุรกิจสิ่งพิมพ์ถือเป็นธุรกิจหลักของเครืออมรินทร์ แต่ช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาพบว่ารายได้ไม่เป็นไปตามที่วางไว้ เนื่องมาจากสภาพการเมืองที่เกิดขึ้น รวมถึงสภาพเศรษฐกิจ ส่งผลให้บริษัทต้องมีการปรับแผนรับมือเพื่อสร้างรายได้เพิ่ม เช่น การออกนิตยสารฉบับพิเศษมากขึ้น มีการรวมเล่ม และออกพ็อกเกตบุ๊กฉบับพิเศษ ปรับหัวนิตยสารให้มีความทันสมัยมากขึ้น เป็นต้น รวมถึงเน้นช่องทางออนไลน์มากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจากสภาพการเมืองที่เริ่มคลี่คลายจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ช่วงครึ่งปีหลังโดยเฉพาะในไตรมาสสี่จะกลับมาดีเช่นเดิม ทั้งนี้ ทางบริษัทยังพร้อมจัดงานอีเวนต์และงานแฟร์จำนวนกว่า 6 งานในช่วงครึ่งปีหลังนี้ รวมถึงเพิ่มจัดงานแฟร์ย่อยอีกส่วนหนึ่ง เช่น ในช่วงปลายปีนี้จะจัดงานแฟร์ “บ้านและสวน” ในเดือน พ.ย.นี้ คู่กับงาน “เฮลท์ คูซีน แอนด์ บิวตี้ เฟสติวัล” คาดว่ากลุ่มธุรกิจการจัดงานแฟร์นี้จะเติบโตมากขึ้น เนื่องจากในช่วงไตรมาสสุดท้ายเป็นช่วงฤดูกาลขายสินค้า จึงคาดว่าลูกค้าจะมีความต้องการจัดงานเพื่อกระตุ้นยอดขายมากขึ้น
มั่นใจว่าจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ทั้งปีนี้กลุ่มธุรกิจสิ่งพิมพ์จะกลับมาเติบโตได้ที่ 10% จากรายได้ 2,000 ล้านบาทที่ปิดไปเมื่อปี 2556 ที่ผ่านมา แบ่งเป็น พรินติ้ง-รับจ้างพิมพ์ 30% โฆษณาและนิตยสาร 30% การจำหน่ายหนังสือเล่ม 30% และการจัดงานแฟร์ รวมถึงสื่อนิวมีเดียต่างๆ 10%
นางระรินกล่าวต่อว่า สำหรับธุรกิจโทรทัศน์ หลังการประมูลช่องดิจิตอลทีวีเมื่อต้นปีที่ผ่านมา กับช่องอมรินทร์ทีวีนั้น พบว่าในแง่รายได้ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ เนื่องจากปีนี้มีอุปสรรคและปัญหาที่ส่งผลให้ภาพรวมอุตสาหกรรมดิจิตอลทีวีไม่เป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ ในส่วนของบริษัทเองยอมรับว่าการลงทุนในปีนี้ยังไม่ได้ลงจริงจังมากนัก เนื่องจากมองเห็นความไม่ชัดเจนหลายๆ อย่าง เช่น การแจกคูปอง และการวัดเรตติ้งช่องดิจิตอลทีวี เป็นต้น
แต่หากทุกอย่างคลี่คลาย ในปีหน้าบริษัทพร้อมลงทุนในช่องอมรินทร์ทีวีอย่างเต็มที่ จากปัจจุบันเริ่มพบว่าลูกค้าที่ลงโฆษณาในช่องอมรินทร์ทีวีส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าไดเรกต์ ซึ่งมีจำนวนมากกว่าลูกค้าเอเยนซี เนื่องจากเอเยนซียังคงรอดูสถานการณ์ของทีวีดิจิตอลโดยรวม