ASTVผู้จัดการรายวัน - กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เผยแนวโน้มการท่องเที่ยวในประเทศไทยส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่างชัดเจนพร้อมรับฤดูท่องเที่ยว (ไฮซีซัน) ในช่วงไตรมาสที่ 4 เผยนักท่องเที่ยวจีนแห่มาไทยช่วงวันชาติจีน ดันภาพรวมขยายตัวร้อยละ 10.1 หวังการขยายตัวของนักท่องเที่ยวจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ว่าที่ ร้อยตรี อานุภาพ เกษรสุวรรณ์ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว เปิดเผยสถานการณ์การท่องเที่ยวในประเทศไทยล่าสุดพบว่า ในระหว่างวันที่ 1-7 ตุลาคมที่ผ่านมามีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นจำนวนมากถึง 490,267 คน ขยายตัวร้อยละ 10.1 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน ดีกว่าเดือนก่อนหน้าที่หดตัวร้อยละ 7 โดยเป็นผลจากการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยของชาวจีนซึ่งมีวันหยุดต่อเนื่องช่วงวันชาติจีน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นมา
โดยเฉพาะกลุ่มที่เดินทางผ่านเครื่องบินเช่าเหมาลำผ่านท่าอากาศยานดอนเมือง ยายตัวถึงร้อยละ 42 ขณะที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ขยายตัวร้อยละ 91 และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิขยายตัวร้อยละ 3 เป็นการขยายตัวครั้งแรกในรอบปี ส่วนท่าอากาศยานภูเก็ตขยายตัวร้อยละ 6 ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมตรวจลงตราวีซ่านักท่องเที่ยวจีน และการสร้างความเชื่อมั่นระดับรัฐ
“จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยขยายตัวร้อยละ 10.1 จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ถือป็นการส่งสัญญาณบวกที่ดีที่สุดในรอบ 4 เดือนซึ่งเป็นพัฒนาการจากเดือนกันยายนและเดือนสิงหาคมที่หดตัวร้อยละ 7 และร้อยละ 11.85 ตามลำดับ โดยถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจอย่างมาก ขณะที่การสำรวจอัตราการเข้าพักแรมของสถานประกอบการที่พักในกรุงเทพฯ มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยร้อยละ 75”
อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวว่า รัฐบาลได้ส่งสัญญาณเชิงบวกออกมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถานในวันที่ 13 มิถุนายน การประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยในวันที่ 22 กรกฎาคม ต่อมาได้มีการแต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติในวันที่ 31 กรกฎาคม และมีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 25 สิงหาคม จนกระทั่งมีการจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมาบริหารประเทศเรียบร้อย
ประกอบกับรัฐบาลได้ดำเนินนโยบายเร่งด่วนในการออกมาตรการแก้ปัญหาและกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นหลัก ทำให้การท่องเที่ยวซึ่งถือว่าเป็นแหล่งที่มาของรายได้ที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆ ของไทยมีแนวโน้มดีขึ้นทีละน้อยมาโดยตลอด รวมไปถึงการนำเสนอข่าวของสื่อสารมวลชนในต่างประเทศถึงการจัดระเบียบมาตรฐานการท่องเที่ยวขนานใหญ่เพื่อควบคุมภาคธุรกิจการท่องเที่ยวอย่างเข้มข้น
ส่วนของสถิตินักท่องเที่ยวในเดือนกันยายน 2557 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1,855,626 คน หดตัว 7% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ดีกว่าเดือนก่อนหน้าที่หดตัวร้อยละ 11.85 และเป็นการหดตัวที่ต่ำสุดในรอบ 4 เดือนนับจากเดือนพฤษภาคมซึ่งเป็นเดือนที่มีการเปลี่ยนแปลงการบริหารประเทศเป็นต้นมา สะท้อนให้เห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนก่อนจะเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว (High season) โดยนักท่องเที่ยวที่หดตัวมากที่สุดในเดือนกันยายนคือ ตะวันออกกลางที่หดตัว 13.51% และสองภูมิภาคที่ขยายตัวคือแอฟริกาและเอเชียใต้
จากแนวโน้มการปรับตัวที่ดีขึ้นของนักท่องเที่ยวจากตลาดหลักคือ เอเชียตะวันออกและยุโรปสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ซึ่งมีสัดส่วนรวมกันกว่าร้อยละ 80 ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เดินทางเข้าประเทศไทย โดย 2 ใน 3 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติมาจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกและนักท่องเที่ยว 3 ตลาดหลัก ได้แก่ จีน มาเลเซีย ญี่ปุ่น
ในด้านของตัวเลขสถิตินับตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2557 มีนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทยจำนวนทั้งสิ้น 17,558,999 คน ก่อให้เกิดรายได้ 806,613.56 ล้านบาท โดยตัวเลขโดยรวมยังอยู่ในแดนลบซึ่งเป็นการหดตัวร้อยละ 10.28 จากปีที่แล้ว เป็นผลสืบเนื่องมาจากวิกฤตความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงที่ไทยประสบกับปัญหาทางการเมือง แต่ในส่วนของรายได้เข้าประเทศตลอด 9 เดือนที่ผ่านมาหดตัวเพียงร้อยละ 7.55 สำหรับภูมิภาคที่ก่อให้เกิดรายได้สูงสุดคือเอเชียตะวันออก จำนวน 343,604.09 ล้านบาท รองลงมาได้แก่ ยุโรป สหรัฐอเมริกา โอเชียเนีย เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มภาคการท่องเที่ยวไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะได้รับปัจจัยบวกจากภายในประเทศเอง เช่น สถานการณ์ทางการเมืองที่เข้าสู่ความสงบ มีการสานต่อนโยบายของรัฐบาลในโครงการต่างๆ อย่างชัดเจน และมาตรการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของชาวต่างชาติ ตลอดจนบทบาทของ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในการเตรียมมาตรการเพื่ออำนวยความสะดวกและขจัดอุปสรรคในการเดินทางท่องเที่ยว ประกอบกับปัจจัยบวกจากภายนอก เช่น การขยายตัวของนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเป็นผลจากการขยายโอกาสการท่องเที่ยวของไทยโดยให้ฟรีค่าธรรมเนียมวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวจีน แต่ยังควรจับตามองปัญหาวิกฤตในซีเรียและอิรัก ภาวะเงินฝืดในยุโรป และการระบาดของโรคอีโบลาที่ยังไม่สิ้นสุด