ศูนย์ข่าวภูเก็ต - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ลงพื้นที่ภูเก็ต เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น และความต้องการของภาครัฐและเอกชนในฝั่งทะเลอันดามัน เพื่อเร่งแก้ไขสิ่งที่ยังเป็นปัญหา และอุปสรรคด้านการท่องเที่ยว รับจะเร่งแก้ไขทุกปัญหาให้หมดไปเพื่อการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน เน้นย้ำให้นำวิถีความเป็นไทยและการท่องเที่ยวเชิงชุมชนเป็นสำคัญ
เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย ว่าที่ ร.ต.อานุภาพ เกสรสุวรรณ์ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว และคณะ ได้ประชุมหารือผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว จังหวัดภูเก็ต กระบี่ และพังงา โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กระบี่ พังงา ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวทั้ง 3 จังหวัด เข้าร่วม ณ โรงแรมป่าตอง รีสอร์ท อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต
ทั้งนี้ เพื่อมารับฟังภาพรวมการท่องเที่ยวของ 3 จังหวัดฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ปัญหา และอุปสรรคด้านการท่องเที่ยว รวมไปถึงสิ่งที่ภาครัฐ และผู้ประกอบการในพื้นที่ต้องการให้ทางรัฐบาล และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เข้ามาสนับสนุนเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งอันดามันให้เติบโต และยั่งยืนตลอดไป
โดยการประชุมดังกล่าว ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ให้หน่วยงานภาครัฐ และผู้ประกอบการทั้ง 3 จังหวัด ได้สะท้อนปัญหาและความต้องการของแต่ละพื้นที่ ซึ่งโดยภาพรวมแล้วหน่วยงานราชการและผู้ประกอบการเห็นว่า สิ่งสำคัญที่ทางรัฐบาลจะต้องเข้ามาดำเนินการอย่างเร่งรวดเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวของฝั่งอันดามันที่สามารถทำรายได้เข้าประเทศอย่างมหาศาลแต่ละปีนั้น คือ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานให้เพียงพอต่อการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยว รวมไปถึงสิ่งอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว เพราะปัจจุบันนักท่องเที่ยวได้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในอันดามันเป็นจำนวนมาก แต่โครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวยังไม่เพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของถนนหนทาง ระบบขนส่งมวลชน แหล่งท่องเที่ยวที่เสื่อมโทรม การดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ปัญหาขยะ น้ำเสีย สิ่งแวดล้อมที่ตามมา ซึ่งทั้ง 3 จังหวัดกำลังเผชิญต่อปัญหาดังกล่าวจากความไม่พร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน
นอกจากนี้ ทางภาคเอกชนยังได้เสนอของบประมาณในส่วนของการศึกษาวิจัยเรื่องความสามารถของพื้นที่ในการรองรับนักท่องเที่ยว เพื่อวางแผนการ และกำหนดทิศทางการท่องเที่ยวของภูเก็ต พังงา กระบี่ ว่า จำนวนนักท่องเที่ยวเท่าใดที่พื้นที่จะสามารถรองรับได้ที่จะไม่สร้างปัญหาตามมา นอกจากนี้ ทางภาคเอกชนยังอยากจะให้เน้นย้ำในเรื่องของการดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวด้วยการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ติดตั้งกล้องวงจรปิด หรือ CCTV ให้ครอบคลุมตามแหล่งท่องเที่ยว จัดระเบียบแรงงานต่างด้าวเพื่อป้องกันไม่ให้ก่ออาชญากรรมต่อนักท่องเที่ยวเหมือนที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี การควบคุม และออกกฎระเบียบที่เข้มงวดไม่ให้ไกด์ต่างชาติเข้ามาแย่งงานคนไทย พัฒนาไกด์ไทยให้มีความรู้ความสามารถในทุกๆ ภาษา ขอให้ทางอุทยานขยายการจัดเก็บค่าธรรมเนียมที่อุทยานสิมิลันสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติคนละ 400 บาทออกไปก่อน เนื่องจากผู้ประกอบการได้ทำสัญญากับเอเยนต์ทัวร์ในต่างประเทศไปแล้ว และที่สำคัญ การส่งเสริมการท่องเที่ยวของทั้ง 3 จังหวัดยังเน้นจุดขายที่เป็นธรรมชาติที่สวยงาม และจะต้องกระจายรายได้สู่ชุมชนด้วยการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนให้มีมาตรฐานและเป็นที่ต้องการของนักท่องเที่ยว ภายใต้การดูแลทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่นให้ยั่งยืนตลอดไป รวมไปถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวในรูปแบบของการดูแลสุขภาพ และการเข้ามาเสริมความงามอีกด้วย
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวสรุปว่า ทุกๆเรื่องที่หน่วยงานราชการ และผู้ประกอบการในฝั่งอันดามันนำเสนอมาในวันนี้นั้น ทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะเร่งดำเนินการ และส่วนไหนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงใดก็จะประสานไปยังกระทรวงนั้นๆ โดยให้แต่ละหน่วยงานที่นำเสนอปัญหา และแนวทางการแก้ไขที่จะให้รัฐบาลและกระทรวงเข้ามาดูแลนั้น ส่งรายละเอียดพร้อมทั้งจัดลำดับความสำคัญแต่ละเรื่องส่งไปทางกระทรวง และผู้ว่าราชการจังหวัดนั้น รวมทั้งให้แต่ละจังหวัดประชุมร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนของแต่ละเรื่องด้วย โดยในเร็วๆ นี้ ตนจะลงมาประชุมร่วมกับภาคเอกชนในพื้นที่อีก
โดยเฉพาะในเรื่องของการท่องเที่ยวนั้น อยากให้เน้นย้ำที่จะให้นำวิถีความเป็นไทย การท่องเที่ยวเชิงชุมชนเข้ามามากขึ้น ซึ่งทางรัฐบาลได้กำหนดแนวทางในการส่งเสริมการท่องเที่ยวตามแบบวิถีไทยด้วยการสร้างเมืองดาวรุ่ง 12 เมืองทั่วประเทศ ในส่วนของภาคใต้นั้นจะเป็นจังหวัดชุมพร ระนอง ตรัง และจะเพิ่มนครศรีธรรมราชเข้ามาด้วย ซึ่งแต่ละเมืองจะต้องมีรายละเอียดว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบไหน แต่ก็ไม่ทิ้งเมืองที่เป็นการท่องเที่ยวหลักๆ ของแต่ละภาค ซึ่งเมืองท่องเที่ยวหลักนั้นจะต้องรักษาแหล่งท่องเที่ยวเดิมไว้ให้ดีที่สุดเพื่อให้นักท่องเที่ยวที่มาแล้วกลับมาท่องเที่ยวในหลายๆ ครั้ง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทางภาคเอกชนได้นำเสนอในวันนี้นั้น ทางกระทรวงจะเข้าดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของมัคคุเทศก์ที่จะพยายามดูแลอย่างใกล้ชิดถึงปัญหาที่เกิดขึ้น รวมไปถึงการพัฒนา และอบรมบุคลากรด้านมัคคุเทศก์ให้เพียงพอ และมีประสิทธิภาพ เรื่องของทุนวิจัยก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญที่จะต้องดำเนินการ และจะต้องเป็นการทำวิจัยนำไปสู่การปฏิบัติจริงได้ การติดตั้งกล้องวงจรปิดทางกรมการท่องเที่ยวก็ได้ดำเนินการในเฟสแรกไปแล้ว และกำลังจะขยายเฟสต่อไปในเมืองท่องเที่ยวหลักๆ ส่วนค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานได้มีการประสานกับกระทรวงทรัพย์ฯ อยู่แล้ว