เอสเอ็มอีไทยกระอักขายของยาก อ้อนรัฐจัดแฟร์ช่วยระบายสินค้า พร้อมปล่อยกู้เสริมสภาพคล่อง

เผยผลสำรวจเอสเอมอีไทย พบสต๊อกบวม ขายของยาก อ้อนรัฐช่วยเหลือ ทั้งจัดงานแสดงสินค้า ปล่อยกู้เสริมสภาพคล่อง กระตุ้นท่องเที่ยว คาดไตรมาส 4 ดีขึ้น หลังรัฐอัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจเอสเอ็มอีไทยว่า ปัจจุบันเอสเอมอีมีปัญหาขายสินค้าไม่ได้ ทำให้มีสินค้าค้างอยู่ในสต๊อกเป็นจำนวนมาก ทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันลดลง โดยผลสำรวจพบว่าในไตรมาส 3 มีเอสเอมอีเกือบ 20% ที่ประสบปัญหาดังกล่าว โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าสิ่งทอ แฟชั่น, ชิ้นส่วนยานยนต์, อัญมณีและเครื่องประดับ, สิ่งพิมพ์, เฟอร์นิเจอร์, ค้าปลีก, ค้าส่ง, บริการด้านความงาม, บริการด้านสุขภาพ, บริการด้านการศึกษา, ก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น

ทั้งนี้ ยังประสบปัญหาการขาดแคลนสภาพคล่องจากปัญหายอดขายสินค้าที่ตกต่ำและปัญหาไม่สามารถตั้งราคาที่สอดคล้องกับต้นทุนการผลิตได้ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้อำนาจในการตั้งราคาอยู่ที่ผู้บริโภค โดยกลุ่มที่เจอปัญหาขาดแคลนสภาพคล่องมากๆ เช่น กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม, หัตถกรรม, อัญมณีและเครื่องประดับ, ชิ้นส่วนยานยนต์, บริการด้านความงาม, โรงแรมและเกสต์เฮาส์ เป็นต้น

สำหรับสิ่งที่เอสเอ็มอีต้องการให้รัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือ ได้แก่ การส่งเสริมและการจัดจำหน่ายและจัดงานแสดงสินค้าเพื่อระบายสินค้า การช่วยเสริมสภาพคล่องแก่ธุรกิจ โดยลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้ต่ำลงและช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะปัจจุบันผู้ประกอบการหลายรายต้องกู้เงินนอกระบบ และต้องการให้จัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาเพิ่มขึ้น

นายธนวรรธน์กล่าวว่า แนวโน้มของธุรกิจเอสเอมอีในไตรมาส 4 คาดว่าจะดีขึ้น หากเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทั้งการช่วยเหลือชาวนา 4 หมื่นล้านบาท งบกระตุ้นเศรษฐกิจอีก 3.6 แสนล้านบาท เข้าไปหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้จริง โดยมีการจ้างงานและเบิกจ่ายได้รวดเร็ว ก็จะทำให้เศรษฐกิจไตรมาส 4 ขยายตัวดีขึ้น และส่งผลให้เอสเอ็มอีมีโอกาสทางธุรกิจดีขึ้นตามไปด้วย โดยคาดว่าทั้งปี 2557 เศรษฐกิจไทยจะโต 1.5-2% แต่มีความเป็นไปได้ที่ 1.7% มากที่สุด