“อาร์เอส” มั่นใจกลไกตลาดโทรทัศน์ทุกระบบไม่แตกต่างกัน ระบุปัจจัยสำคัญที่ผู้ชมเลือกคือ “คอนเทนต์” โหมลงทุน 200 ล้านบาทพัฒนาคอนเทนต์รายการบันเทิงหวังครองใจผู้ชม หลังทำเรตติ้งสูงติดอันดับ 13 ของโทรทัศน์ทุกระบบ มีผู้ชมกว่า 20 ล้านครัวเรือน มุ่งเป้าอันดับหนึ่ง “แซตเทิลไลต์ ทีวี” และติดท็อปเท็นภายในกลางปี 58 พร้อมขึ้นราคาอัตราโฆษณาอย่างน้อย 3 เท่าจากราคาเดิม 2-9 พันบาท
นางพรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เจ้าของสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม ช่อง 2 เปิดเผยว่า ในขณะที่วงการโทรทัศน์ของประเทศไทยกำลังพัฒนาเข้าสู่ยุคดิจิตอลทีวีอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ในแง่ของโทรทัศน์ดาวเทียม หรือ “แซตเทิลไลต์ ทีวี” ยังคงมีโอกาสและศักยภาพที่จะเติบโตได้เช่นกัน เนื่องจากผู้ชมจะเป็นผู้ตัดสินใจเลือกรับชม โดยพิจารณาจากเนื้อหาสาระและคอนเทนต์ของรายการมากกว่าจะคำนึงถึงรูปแบบของระบบโทรทัศน์
การเปลี่ยนถ่ายระบบโทรทัศน์สู่ยุคดิจิตอลทีวีไม่ได้มีผลกระทบต่อแซตเทิลไลต์ทีวีและเคเบิลมากนัก เพราะปัจจุบันมีผู้ประกอบการในระบบแซตเทิลไลต์และเคเบิลรายใหญ่หลายรายเปลี่ยนถ่ายไปสู่ระบบดิจิตอลทีวี ขณะเดียวกัน การดำเนินธุรกิจแซตเทิลไลต์ทีวีและเคเบิลยังมีความยืดหยุ่นสูงกว่าในการพัฒนารูปแบบและคอนเทนต์รายการให้ตรงใจผู้รับชม ขณะเดียวกันยังสามารถเข้าถึงผู้ชมประมาณ 45 ล้านคน หรือประมาณ 70% ของประชากรไทยทั้งประเทศ ขณะที่ระบบดิจิตอลทีวียังคงเข้าถึงผู้ชมประมาณ 30% เท่านั้น
สำหรับผลการดำเนินงานของช่อง 2 ในช่วงที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จในฐานะช่องบันเทิงคุณภาพ โดย “เอซี นีลเส็นฯ” ระบุว่า ช่อง 2 มีเรตติ้งสูงถึง 50,000 และยังคงไต่ระดับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือมีผู้ติดตามชมในแต่ละเดือนเป็นจำนวนกว่า 20 ล้านครัวเรือนจากทั้งหมดประมาณ 23 ล้านครัวเรือน ถือเป็นอันดับหนึ่งของแซตเทิลไลต์ทีวี ในกลุ่มรายการวาไรตี้ หรืออยู่ลำดับที่ 13 ในภาพรวมโทรทัศน์ทุกระบบ
“ในปี 2558 บริษัทฯ พร้อมใช้เงินลงทุนประมาณ 200 ล้านบาทในการพัฒนาคอนเทนต์ให้มีคุณภาพและความหลากหลายมากขึ้น จากเดิมที่ใช้ประมาณ 120-130 ล้านบาทในปี 2557 จนปัจจุบันมีรายการบันเทิงใน 3 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มวาไรตี้คุณภาพ กลุ่มวาไรตี้ เกมโชว์ และคอนเทสต์ และกลุ่มวาไรตี้นอกสถานที่ โดยมุ่งหวังให้ช่อง 2 ขึ้นแท่นครองเรตติ้งผู้ชมอันดับหนึ่งของแซตเทิลไลต์ทีวี หรือติดอันดับ 1 ใน 10 ของโทรทัศน์ทุกระบบภายในกลางปี 2558”
นางพรพรรณกล่าวอีกว่า ในส่วนอัตราโฆษณาของสถานีฯ ปัจจุบันซึ่งอยู่ระหว่าง 2-9 พันบาทนั้น ในปี 2558 จะมีการปรับขึ้นตามอัตราการเติบโตของเรตติ้งประมาณ 3-4 เท่า โดยคาดว่าในปี 2557 บริษัทฯ จะมีรายได้จากช่อง 2 ประมาณ 200 ล้านบาท และจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยเท่าตัวเป็น 400 ล้านบาทในปี 2558 เนื่องจากปัจจัยด้านเรตติ้งผู้ชมคอนเทนต์รายการ รวมถึงสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่คาดว่าจะดีขึ้น
“กลไกตลาดของโทรทัศน์ระบบดิจิตอล แซตเทิลไลต์ทีวี และเคเบิล รวมถึงเรื่องค่าใช้จ่ายของผู้ชมในการเลือกระบบแทบไม่มีความแตกต่างกันมากนัก จึงไม่เชื่อว่าการเกิดขึ้นของดิจิตอลทีวีจะทำให้แซตเทิลไลต์ทีวีและเคเบิลมีอัตราการเติบโตลดน้อยลง บริษัทฯ จึงยังคงดำเนินงานตามฐานธุรกิจเดิม และจะรุกหนักการทำประชาสัมพันธ์และการตลาดอย่างเต็มที่ โดยขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจากับพันธมิตรทางธุรกิจหลายรายเพื่อร่วมทำแผนการตลาดที่หลากหลายตลอดทั้งปี 2558”
นางพรพรรณ กล่าวในตอนท้ายถึงกรณีเงินสนับสนุนการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2014 ที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ต้องเป็นผู้ชำระค่าเสียหายและค่าโอกาสทางธุรกิจแก่บริษัทฯ เป็นจำนวน 427 ล้านบาทว่า กสทช.ยังคงค้างชำระอีกประมาณ 50 ล้านบาท เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาบริษัทฯ จึงได้ยื่นฟ้องศาลอุทธรณ์ เพื่อขอรับทราบเหตุผลว่าเพราะเหตุใด กสทช.จึงยังไม่ชำระเงินให้บริษัทฯ ครบเต็มจำนวน หรือหากบริษัทฯ ดำเนินการขาดตกบกพร่อง หรือผิดพลาดประการใดก็พร้อมจะดำเนินการแก้ไขต่อไป