นักลงทุนต่างชาติพร้อมลุยในไทย “ยูบีเอ็ม” เผย 3 งานยักษ์แสดงสินค้าระดับนานาชาติในไทย ยอดต่างชาติเข้าร่วมงานล้น ตอกย้ำความมั่นใจรัฐบาลใหม่ ผุดงานที่4 “ASEANbeauty 2015” ชี้ไทยส่งออกเครื่องสำอางถึง 2 แสนล้านบาทต่อปี ชูไทยฮับเครื่องสำอางอาเซียน มั่นใจเงินสะพัดกว่า 2 พันล้านบาท
นางสาวอนุชนา วิชเวช ผู้อำนวยการโครงการ บริษัท ยูบีเอ็ม เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านการจัดงานแสดงสินค้าและนิทรรศการระดับนานาชาติ เปิดเผยว่า ในฐานะผู้จัดงานแสดงสินค้าฯระดับโลกต่อปีมีการจัดงานกว่า 400 งานทั่วโลก ซึ่งมีทั้งการดึงนักลงทุนต่างชาติและของไทยไปออกงาน ขณะที่ในไทยมีการจัดงานแสดงสินค้า 3 งานใหญ่คือ “อินเตอร์แมค” เกี่ยวกับเครื่องจักรอุตสาหกรรม “เอ็นเนอร์จี่” พลังงานทดแทน และ “ฟู้ด” เกี่ยวกับส่วนประกอบอาหาร
ช่วงปีที่ผ่านมามีการตอบรับอย่างดีทั้งจากนักลงทุนไทยและต่างชาติ แม้ว่าสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจของประเทศไทยจะไม่ค่อยดีก็ตาม และจากความเชื่อมั่นทางการเมืองที่เกิดขึ้นกับรัฐบาลชุดใหม่พบว่า ธุรกิจความงามไทยมีศักยภาพเป็นศูนย์กลางเครื่องสำอางในภูมิภาคอาเซียนได้ ด้วยตัวเลขการส่งออกเครื่องสำอางไทยสูงที่สุดในอาเซียน คิดเป็นมูลค่า 2 แสนล้านบาทต่อปี เติบโตกว่า 10%
ล่าสุด บริษัทฯ พร้อมที่จะจัดงานแสดงสินค้าฯ งานที่ 4 ในไทยขึ้น คือ “ASEANbeauty 2015” ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าและงานสัมมนาเพื่ออุตสาหกรรมด้านความงามครบวงจรเป็นครั้งแรก ระหว่างวันที่ 8-10 เม.ย.58 ณ ไบเทค บางนา ด้วยงบการจัดงาน 15 ล้านบาท คาดว่าจะมีผู้เข้ารวมงานกว่า 200 บริษัทจาก 15 ประเทศทั่วโลก และกว่า 60% เป็นแบรนด์ไทย ซึ่งขณะนี้ขายพื้นที่ไปได้กว่า 55% แล้ว มั่นใจว่าถึงวันงานจะมีเม็ดเงินสะพัดกว่า 2 พันล้านบาท
“อุตสาหกรรมเครื่องสำอางและความงามไทยเป็นธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจเกิดขึ้นก็ตาม ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ อย่างเครื่องจักรอาจจะได้รับผลกระทบบ้าง โดยในปีที่ผ่านมามูลค่าส่งออกตลาดความงามไทยใหญ่สุดในอาเซียนมูลค่าถึง 2 แสนล้านบาท และกลุ่มเกี่ยวกับเส้นผมใหญ่ที่สุดในโลก ขณะที่สปามีการส่งออกกว่า 1.8 พันล้านบาท ล้วนแต่เป็นโอกาสในการชูไทยเป็นฮับในอุตสาหกรรมนี้ ยิ่งเปิดเออีซีคาดว่าจะทำให้ตลาดเติบโตได้อีกมาก”
ปัจจุบันอุตสาหกรรมความงามและเครื่องสำอางไทย มีสัดส่วนส่งออกดังนี้ ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม 31% ผลิตภัณฑ์เพอซันนอลแคร์ เมคอัพ 17% ผลิตภัณฑ์สบู่ 9% ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก 9% ผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ในห้องน้ำ 8% และผลิตภัณฑ์เครื่องหอม 0.3% โดยกลุ่มประเทศที่มีการส่งออกสูงสุด ได้แก่ ยุโรปและอเมริกา 26% ญี่ปุ่น 21% อินโดนีเซีย 9% ฟิลิปปินส์ 8% มาเลเซีย 8% ออสเตรเลีย 6% จีน4% อังกฤษ 4% กัมพูชา 5% เมียนมาร์ 4% และเวียดนาม 4%
นางสาวอนุชนา วิชเวช ผู้อำนวยการโครงการ บริษัท ยูบีเอ็ม เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านการจัดงานแสดงสินค้าและนิทรรศการระดับนานาชาติ เปิดเผยว่า ในฐานะผู้จัดงานแสดงสินค้าฯระดับโลกต่อปีมีการจัดงานกว่า 400 งานทั่วโลก ซึ่งมีทั้งการดึงนักลงทุนต่างชาติและของไทยไปออกงาน ขณะที่ในไทยมีการจัดงานแสดงสินค้า 3 งานใหญ่คือ “อินเตอร์แมค” เกี่ยวกับเครื่องจักรอุตสาหกรรม “เอ็นเนอร์จี่” พลังงานทดแทน และ “ฟู้ด” เกี่ยวกับส่วนประกอบอาหาร
ช่วงปีที่ผ่านมามีการตอบรับอย่างดีทั้งจากนักลงทุนไทยและต่างชาติ แม้ว่าสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจของประเทศไทยจะไม่ค่อยดีก็ตาม และจากความเชื่อมั่นทางการเมืองที่เกิดขึ้นกับรัฐบาลชุดใหม่พบว่า ธุรกิจความงามไทยมีศักยภาพเป็นศูนย์กลางเครื่องสำอางในภูมิภาคอาเซียนได้ ด้วยตัวเลขการส่งออกเครื่องสำอางไทยสูงที่สุดในอาเซียน คิดเป็นมูลค่า 2 แสนล้านบาทต่อปี เติบโตกว่า 10%
ล่าสุด บริษัทฯ พร้อมที่จะจัดงานแสดงสินค้าฯ งานที่ 4 ในไทยขึ้น คือ “ASEANbeauty 2015” ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าและงานสัมมนาเพื่ออุตสาหกรรมด้านความงามครบวงจรเป็นครั้งแรก ระหว่างวันที่ 8-10 เม.ย.58 ณ ไบเทค บางนา ด้วยงบการจัดงาน 15 ล้านบาท คาดว่าจะมีผู้เข้ารวมงานกว่า 200 บริษัทจาก 15 ประเทศทั่วโลก และกว่า 60% เป็นแบรนด์ไทย ซึ่งขณะนี้ขายพื้นที่ไปได้กว่า 55% แล้ว มั่นใจว่าถึงวันงานจะมีเม็ดเงินสะพัดกว่า 2 พันล้านบาท
“อุตสาหกรรมเครื่องสำอางและความงามไทยเป็นธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจเกิดขึ้นก็ตาม ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ อย่างเครื่องจักรอาจจะได้รับผลกระทบบ้าง โดยในปีที่ผ่านมามูลค่าส่งออกตลาดความงามไทยใหญ่สุดในอาเซียนมูลค่าถึง 2 แสนล้านบาท และกลุ่มเกี่ยวกับเส้นผมใหญ่ที่สุดในโลก ขณะที่สปามีการส่งออกกว่า 1.8 พันล้านบาท ล้วนแต่เป็นโอกาสในการชูไทยเป็นฮับในอุตสาหกรรมนี้ ยิ่งเปิดเออีซีคาดว่าจะทำให้ตลาดเติบโตได้อีกมาก”
ปัจจุบันอุตสาหกรรมความงามและเครื่องสำอางไทย มีสัดส่วนส่งออกดังนี้ ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม 31% ผลิตภัณฑ์เพอซันนอลแคร์ เมคอัพ 17% ผลิตภัณฑ์สบู่ 9% ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก 9% ผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ในห้องน้ำ 8% และผลิตภัณฑ์เครื่องหอม 0.3% โดยกลุ่มประเทศที่มีการส่งออกสูงสุด ได้แก่ ยุโรปและอเมริกา 26% ญี่ปุ่น 21% อินโดนีเซีย 9% ฟิลิปปินส์ 8% มาเลเซีย 8% ออสเตรเลีย 6% จีน4% อังกฤษ 4% กัมพูชา 5% เมียนมาร์ 4% และเวียดนาม 4%