“ฉัตรชัย” ดึง 5 องค์กรชาวนาตั้งคณะหารือร่วมพาณิชย์เพื่อหามาตรการรับมือราคาข้าวก่อนปัญหาลุกลาม นัดถกนัดแรกสัปดาห์หน้า ย้ำราคาข้าวเปลือกต้องขายได้ไม่ต่ำกว่าตันละ 8,500 บาท พร้อมสั่งฟื้นมิสเตอร์ข้าว ดูแลประสานงานเรื่องข้าวกับผู้ที่เกี่ยวข้อง
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ ได้เรียกประชุมผู้แทนเกษตรกรไทยจากสมาคมต่างๆ 5 องค์กร ได้แก่ นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย นายวิเชียร พวงลำเจียก นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย นายวิชา ดาวแจ่ม เลขาธิการสมาคมส่งเสริมชาวนาไทย นายระวี รุ่งเรือง นายกสมาคมเครือข่ายชาวนาไทยและเลขาธิการเครือข่ายศูนย์ข้าวชุมชน โดยมีความเห็นร่วมกันว่าให้มีการจัดตั้งคณะหารือด้านข้าวระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับตัวแทนชาวนา เพื่อหารือถึงแนวทางในการกำหนดมาตรการช่วยเหลือชาวนาในลักษณะการป้องกันเชิงรุกก่อนที่จะเกิดปัญหา โดยเฉพาะเรื่องการตลาดข้าวและการยกระดับราคาข้าวที่ชาวนาควรจะขายได้อย่างเหมาะสมในช่วงฤดูการเก็บเกี่ยวที่กำลังจะมาถึง
“รมว.พาณิชย์ต้องการให้กระทรวงฯ มีการทำงานเชิงรุกร่วมกับชาวนา ไม่ใช่พอข้าวราคาตกชาวนามาเดินขบวนถึงค่อยมาแก้ไขปัญหา แต่ต้องมีการหารืออย่างต่อเนื่องที่จะผลักดันให้ชาวนาขายข้าวได้ราคาเหมาะสม ไม่ตกต่ำ ตั้งเป้าว่าข้าวเปลือกควรขายได้ไม่ต่ำกว่าตันละ 8,500 บาทขึ้นไป” นายบุณยฤทธิ์กล่าว
นายบุณยฤทธิ์กล่าวว่า การประชุมของคณะหารือร่วมนัดแรกจะมีขึ้นภายในสัปดาห์หน้า โดยจะเป็นการประชุมระหว่างผู้แทนของกระทรวงพาณิชย์ จากกรมการค้าต่างประเทศ กรมการค้าภายใน และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และตัวแทนจาก 5 สมาคมชาวนา โดยกำหนดการประชุมทุกๆ 2 สัปดาห์ ซึ่งประเด็นที่จะหารือจะเน้นในเรื่องด้านการตลาดที่กระทรวงพาณิชย์รับผิดชอบ และการหาแนวทางการป้องกันราคาข้าวตกต่ำตามที่ รมว.พาณิชย์ ได้ให้นโยบายไว้ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ก็มีแผนดำเนินการอยู่แล้ว แต่ก็จะมาหารือกับตัวแทนชาวนาว่าควรจะมีมาตรการอะไรเพิ่มเติม เพื่อทำให้ราคาข้าวเปลือกสูงขึ้น ซึ่งหากได้ข้อสรุปแล้ว ก็จะนำเสนอรมว.พาณิชย์ ก่อนที่จะเสนอให้ นบข.พิจารณาต่อไป
ส่วนมาตรการในการดูแลราคาข้าวเบื้องต้น กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดให้โรงสีเข้าร่วมโครงการเก็บสต๊อกข้าว โดยซื้อข้าวในราคานำตลาด ซึ่งรัฐบาลจะจูงใจด้วยการชดเชยสินเชื่อในอัตรา 3% ให้แก่โรงสี และจะเพิ่มมาตรการจูงใจชาวนาให้เก็บสต๊อกข้าวไว้ในยุ้งฉาง เพื่อป้องกันการนำข้าวเปลือกมาขายพร้อมกัน โดยจะหาสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำมาสร้างแรงจูงใจ ขณะเดียวกัน จะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสต๊อกข้าวของผู้ส่งออกที่ต้องมีสำรองตามกฎหมาย 500 ตันว่ามีการเก็บสต๊อกจริงหรือไม่ เพราะหากมีการเก็บสต๊อกก็จะช่วยดึงผลผลิตข้าวออกจากตลาดได้อีกทางหนึ่ง
นอกจากนี้ รมว.พาณิชย์ได้ขอให้มีการตั้งมิสเตอร์ข้าว เพื่อทำหน้าที่ดูแลและประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องกับข้าวทุกฝ่าย เพื่อที่จะได้ติดตามและแก้ไขสถานการณ์ข้าวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง และจะมีมิสเตอร์เพื่อดูแลพืชเกษตรอื่นๆ เพิ่มตามความเหมาะสมด้วย
สำหรับสถานการณ์ราคาข้าวเปลือกในปัจจุบัน จากการรายงานของกรมการค้าภายใน ณ วันที่ 16 ก.ย. 2557 พบว่า ข้าวเปลือกซื้อขายในตลาดความชื้นไม่เกิน 15% ราคาอยู่ระหว่าง 7,500-8,200 บาทต่อตัน
