รูดปรี๊ดปีนี้ทะลุ 1.53 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นแค่ 5.2% ต่ำกว่าระดับเฉลี่ยปกติต้องโตถึง 10% เหตุคนกังวลเศรษฐกิจแย่ ไม่กล้าใช้จ่ายเกินตัว แถมยังพบผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้น แนะรัฐบาลเร่งกระตุ้นการใช้จ่าย
นายธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจพฤติกรรมการใช้บัตรเครดิตของประชาชนระหว่างวันที่ 1-6 ก.ย.2557 จำนวน 1,198 ตัวอย่าง ว่า ปีนี้ปริมาณการบริโภคผ่านบัตรเครดิตจะมีมูลค่า 1.53 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่าการใช้รวม 1.45 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเพียง 5.2% โดยปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตต่อใบจะเฉลี่ยอยู่ที่ 7.53 หมื่นบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต 7.84 หมื่นบาท ถือว่าต่ำสุดตั้งแต่มีการสำรวจมา ซึ่งต่ำกว่าในภาวะเศรษฐกิจปกติที่ปริมาณการใช้จ่ายจะมีการขยายตัวอยู่ในระดับ 10%
ทั้งนี้ รายละเอียดของผลการสำรวจพฤติกรรมการใช้บัตรเครดิต พบว่า ส่วนใหญ่ 82% จะถือบัตรเครดิตประมาณ 2 ใบต่อคน ส่วนอีก 18% มีการถือบัตรเครดิตมากถึง 3-4 ใบต่อคน และมีความถี่ในการใช้บัตรเครดิตเฉลี่ย 2 ครั้งต่อเดือน มูลค่าในการใช้ต่อเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 6,534 บาทต่อเดือน โดยจำนวนนี้ ในอนาคต 3 เดือนข้างหน้าจะมีการใช้ที่ลดลงทั้งความถี่ และมูลค่า เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจยังแย่ กลัวเป็นหนี้มากขึ้น รายได้ลดลง และวงเงินเต็มแล้ว ซึ่งวงเงินส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 4.3 เท่าของรายได้
ผลสำรวจยังพบอีกว่า ลักษณะการใช้จ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต 36.4% เป็นการใช้ผ่อนสินค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าจำเป็น และ 35.1% เคยมีพฤติกรรมผิดนัดชำระหนี้บัตรเครดิต จำนวนนี้มี 6.5% ที่ไม่จ่ายหนี้เลย และเมื่อเจาะลึกลงไปจะเห็นว่า ในช่วง 3-6 เดือนที่ผ่านมา มีจำนวนผู้ที่ไม่ชำระหนี้เลยเพิ่มขึ้นเป็น 11.3% โดยผู้ถือบัตรเครดิตที่ผิดชำระหนี้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่มีรายได้น้อย เช่น รับจ้าง และนักศึกษา
เมื่อถามความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาหนี้บัตรเครดิตของประเทศ ส่วนใหญ่ 46.1% มีความเป็นห่วงมาก และในอนาคตอีก 6 เดือนข้างหน้า ก็ยังมีความเป็นห่วงมากขึ้น รวมทั้งเห็นว่าภาระหนี้ครัวเรือนของไทยจะสูงมากขึ้น เพราะการมีบัตรเครดิตทำให้ก่อหนี้มากขึ้น และยังทำให้ขาดวินัยในการใช้เงิน เนื่องจากสามารถใช้จ่ายเงินได้ง่ายขึ้น เป็นการนำเงินในอนาคตมาใช้ ทำให้ขาดความระวังในการใช้เงิน หรือใช้เงินเกินตัว
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ผลสำรวจสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในช่วงชะลอตัว ผู้บริโภคมีการใช้จ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตน้อยลง และเริ่มเข้าสู่ภาวะการชำระหนี้หลังแอ่น และเริ่มมีสัญญาณการผิดนัดชะระหนี้เกิดขึ้น แม้ว่าจะยังไม่มีผลต่อเศรษฐกิจในภาพรวม เพราะส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มคนมีรายได้น้อย แต่มีผลต่อสังคมที่การผิดนัดชำระหนี้เหล่านี้จะกลายเป็นหนี้ครัวเรือน และหนี้เสีย สุดท้ายจะมีผลทำให้เศรษฐกิจในภาพรวมไม่คึกคัก เพราะคนไม่กล้าจับจ่ายใช้สอย ต้องเอาเงินที่มีไปชำระหนี้ก่อน
“รัฐบาลต้องเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณลงมาให้เร็วที่สุด เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ และการบริโภค เพราะเริ่มพบว่า สินค้าบางรายการยอดขายไม่กระเตื้องขึ้นเลย และหากรัฐบาลยังเร่งให้เศรษฐกิจฟื้นไม่ทันไตรมาส 4 ของปีนี้ ก็จะทำให้เศรษฐกิจของไทยปีนี้ดูอึมครึม และจะโตได้เพียงแค่ 1.5% จากเดิมที่คาดว่าจะโต 2% เพราะกำลังซื้อของผู้บริโภคหายไป และจะกลายเป็นวงเวียนภาระหนี้ เนื่องจากปัจจุบันมีการใช้จ่ายเงินมากกว่ารายได้ และสุดท้ายก็จะทำให้เกิดปัญหาหนี้นอกระบบตามมาเป็นเงาตามตัว” นายธนวรรธน์ กล่าว