“พาณิชย์” กล่อมโรงพยาบาล “จุฬาฯ-รามาฯ-ศิริราช” จำหน่ายจานด่วนราคาถูกช่วยประชาชน

“พาณิชย์” กล่อมศูนย์อาหารในโรงพยาบาลจำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จในราคาแนะนำ 25-35 บาท เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้ประชาชนที่เข้ามาใช้บริการ นำร่องโรงพยาบาลรัฐ 3 แห่ง จุฬาฯ รามาฯ และศิริราช หลังกล่อมศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ กรมการกงสุล สำเร็จมาก่อนหน้านี้ พร้อมเปิดตัวโครงการเติมแก๊สเต็มถัง น้ำมันเต็มลิตรต่อไป

นายสันติชัย สารถวัลย์แพศย์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับศูนย์อาหารของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ว่า กรมฯ ได้ขอความร่วมมือไปยังโรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศที่มีศูนย์อาหาร ให้จำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จรูป (จานด่วน) ตามราคาแนะนำ เพื่อช่วยลดค่าครองชีพแก่ประชาชนที่เข้ามาใช้บริการตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เบื้องต้นจะนำร่องโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยเฉพาะโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลรามาธิบดี และโรงพยาบาลศิริราชก่อน เนื่องจากในแต่ละวันจะมีประชาชนเข้ามาใช้บริการศูนย์อาหารจำนวนมาก

ทั้งนี้ กรมฯ จะให้ความสำคัญในการเข้าไปดูแลราคาอาหารในศูนย์อาหารที่มีการเปิดประมูลให้เอกชนเข้ามาบริหาร เนื่องจากจะมีต้นทุนสูงจากการปรับปรุงพื้นที่ให้สวยงาม จนส่งผลให้มีการปรับขึ้นราคาอาหาร โดยพบว่า ในส่วนของโรงพยาบาลจุฬาฯ มี บมจ.ซีพีเอฟ เทรดดิ้ง เข้ามาเป็นผู้บริหาร ส่วนอีก 2 โรงพยาบาลที่เหลือ โรงพยาบาลเป็นผู้บริหารเอง จึงมีอาหารจานด่วนที่เป็นราคาแนะนำอยู่

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของโรงพยาบาลจุฬาฯ นั้น บมจ.ซีพีเอฟ เทรดดิ้ง พร้อมที่จะขอความร่วมมือร้านที่มาเช่าพื้นที่ให้เพิ่มการจำหน่ายอาหารจานด่วนตามราคาแนะนำไม่เกิน 30-35 บาท อย่างน้อย 1 อย่าง เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกในการซื้ออาหารเมนูประหยัด

นายสันติชัย กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา กรมฯ ได้ขอความร่วมมือไปยังศูนย์อาหารตามหน่วยงานรัฐและได้รับการตอบรับที่ดีในการจัดเมนูอาหารตามราคาแนะนำทั้งในส่วนของศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ ที่ได้ปรับลดราคาอาหารจานด่วน 10 เมนูลงมาเท่ากับราคาแนะนำที่กรมฯ กำหนดไว้คือ จานละ 25-35 บาท ขณะที่ศูนย์อาหารของกรมการกงสุล ถนนแจ้งวัฒนะ ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี หลังจากมีประชาชนไปใช้บริการทำพาสปอร์ตจำนวนมาก และมีการร้องเรียนว่าจำหน่ายราคาอาหารจานด่วนแพงเช่นกัน

สำหรับ 10 เมนูแนะนำที่กำหนดให้จำหน่ายในราคา 25-35 บาท เช่น ข้าวไข่เจียวธรรมดา, ข้าวราดแกง 1-2 อย่าง, ก๋วยเตี๋ยวหมู-ไก่, ข้าวกะเพรา, ข้าวผัด, ราดหน้า, ผัดซีอิ๊ว, ข้าวขาหมู และขนมจีนน้ำยา-แกงไก่

นายสันติชัย กล่าวว่า ในเดือน ต.ค. กรมฯ จะจัดโครงการแก๊สยิ้มเต็มถัง และโครงการน้ำมันเต็มลิตร เพื่อสร้างความเป็นธรรมแก่ผู้บริโภคที่ซื้อแก๊ส และเติมน้ำมัน เนื่องจากที่ผ่านมา มีการร้องเรียนว่าซื้อสินค้าดังกล่าว แต่ถูกผู้ประกอบการโกงปริมาณ จนน้ำมัน หรือแก๊สหมดเร็วกว่าปกติ โดยโครงการแก๊สยิ้มเต็มถังจะเน้นเฉพาะแก๊สหุงต้ม ซึ่งมีเป้าหมายร้านค้า 10,000 แห่งทั่วประเทศ และโครงการน้ำมันเต็มลิตร มีเป้าหมายสถานีบริการทุกยี่ห้อทั่วประเทศ

“กำลังอยู่ระหว่างการรับสมัครปั๊มน้ำมัน และร้านแก๊สเข้าร่วมโครงการ ซึ่งกรมฯ จะมีสติกเกอร์ให้แก่ผู้ประกอบการ โดยร้านที่ได้รับสติกเกอร์จะแสดงว่าเป็นร้านที่มีคุณภาพ และมาตรฐานที่ผ่านการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ว่าเป็นร้านที่เติมแก๊ส หรือน้ำมันได้เต็ม และมีคุณภาพ รวมถึงมีร้านที่ปลอดภัย มีห้องน้ำสะดวก และเก็บค่าบริการที่เป็นธรรม โดยทั้ง 2 โครงการ จะให้ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เป็นประธานในพิธีเปิดต่อไป” นายสันติชัย กล่าว