“ยูนิลีเวอร์” ประกาศความสำเร็จหลังดันยอดขายขึ้นตำแหน่งรองแชมป์ พร้อมเติบโตถึง 9.5% ต่อปี สูงกว่าตลาดรวมที่ 2% ต่อปี คลอดผลิตภัณฑ์ “เคลียร์ โฉมใหม่ สูตรใหม่” ในรอบ 4 ปี เผยเน้นเจาะตลาดสำหรับผู้ชายด้วย “เคลียร์ เมน” หวังดันตลาดรวมโตขึ้น
นางสาวสุทิพา ปัญญามหาทรัพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาการตลาดผลิตภัณฑ์เส้นผมและทันตผลิตภัณฑ์ บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดผลิตภัณฑ์แฮร์แคร์แบ่งเป็นแชมพูดูแลเส้นผม แชมพูขจัดรังแค และแชมพูเพื่อความสวยงาม มีมูลค่ารวม 1.6 หมื่นล้านบาท เติบโตประมาณ 2% ต่อปี โดยบริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ 7 แบรนด์ คือ “ซันซิล” ถือเป็นผู้นำตลาด รองลงมาคือ “เคลียร์ โดยมี “โดฟ” อยู่ในลำดับที่ 4 และ “เทรเซเม่” ในลำดับที่ 6
สำหรับแชมพูขจัดรังแคถือเป็นตลาดที่มีการเติบโตต่อเนื่อง คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 30% เติบโตเฉลี่ย 7% ต่อปี เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มให้ความสำคัญต่อการดูแลสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะเพิ่มขึ้น จนถือเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยผลักดันให้ “เคลียร์” ประสบความสำเร็จในการทำตลาดจนสามารถมีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดในรอบ 10 ปี โดยมีการเติบโตถึง 9.5%
บริษัทฯ มีการใช้งบประมาณ 500 ล้านบาทในการทำตลาดผลิตภัณฑ์เส้นผม ล่าสุดเปิดตัวผลิตภัณฑ์ขจัดรังแค “เคลียร์ โฉมใหม่ สูตรใหม่” เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ซึ่งถือเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากการนำนวัตกรรมเทคโนโลยี “นูเทรียม 10” มาใช้ในผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ปี 2554 โดยจะเน้นทำการตลาดออนไลน์ “Let’s Wear Black” และกิจกรรม “Clear Connections” เพื่อให้แฟนเพจลุ้นรับของรางวัลมากมาย พร้อมส่งทีมผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมและหนังศีรษะออกให้บริการตรวจเช็กสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะแก่ผู้บริโภคในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ
“เราให้ความสำคัญในเรื่องการสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์เป็นหลัก ควบคู่ไปกับสร้างความสัมพันธ์กับผู้บริโภค จึงทำให้ยังคงสามารถรักษาความเป็นผู้นำตลาดรวมแฮร์แคร์ได้ด้วยส่วนแบ่งกว่า 50% โดยจากนี้ไปจะเริ่มให้ความสำคัญในการทำตลาดแชมพูขจัดรังแคสำหรับผู้ชายมากขึ้นด้วยการแนะนำผลิตภัณฑ์ เคลียร์ เมน เพราะเห็นว่าตลาดมีการเติบโตอย่างรวดเร็วแม้จะยังมีขนาดไม่มากนักก็ตาม แต่หากสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคของผู้ชายให้หันมาเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชายมากขึ้นก็จะส่งผลให้ตลาดรวมดีตามไปด้วย”
นางสาวสุทิพากล่าวด้วยว่า ในปี 2557 โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 1 ต่อเนื่องจนถึงไตรมาสที่ 2 ต้องยอมรับว่าภาวะตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภคแทบทุกชนิดต่างอยู่ในสถานะติดลบ แต่คาดว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2557 จนไตรมาสแรกของปี 2558 กำลังซื้อของผู้บริโภคจะเริ่มกลับมาอีกครั้งเพราะดัชนีความเชื่อมั่นทั้งภาคการเมืองและเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นตามลำดับ โดยในส่วนของบริษัทฯ ยังมั่นใจว่าจะยังคงรักษาอัตราการเติบโตของกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมในระดับ 2 หลักได้เช่นเดิม