“โออิชิ” เร่งเครื่องแก้มือครึ่งปีหลังกู้รายได้หลังครึ่งแรกรายได้หดตัว 10% จ่อซื้อแบรนด์ใหม่ทั้งเครื่องดื่มและไลเซนส์อาหารญี่ปุ่น ดัน “นิกุยะ” บุกต่างประเทศ ควบคู่ “ชาบูชิ” คาดปีนี้กลุ่มอาหารทำรายได้ 7,000 ล้านบาท
นายมารุต บูรณะเศรษฐกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาเตรียมเข้าซื้อกิจการเครื่องดื่มอีกหลายแบรนด์ แต่ยังไม่สามารถสรุปการเจรจาที่ชัดเจนได้เพื่อขยายตลาดให้กว้างขึ้น เพราะครึ่งปีแรกที่ผ่านมาภาพรวมรายได้เติบโตลดลง 10% ทำให้ครึ่งปีหลังต้องเร่งหากลยุทธ์เพื่อสร้างยอดขาย รวมถึงยังต้องสร้างแบรนด์ “โออิชิ” ให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น รวมทั้งจัดแคมเปญทางการตลาดเพื่อผลักดันให้รายได้รวมเป็นไปตามเป้าหมาย
ด้านทิศทางการทำตลาดเครื่องดื่มจะเน้นทำตลาดในประเทศอาเซียน โดยเฉพาะประเทศมาเลเซียที่หลังจากทดลองตลาดแล้วจะเริ่มทำตลาดจริงจังในไตรมาสสี่ ส่วนสิงคโปร์จะเริ่มนำสินค้าระดับพรีเมียมไปทำตลาด ขณะที่ยังศึกษาตลาดในประเทศเวียดนาม สำหรับประเทศลาวและกัมพูชาได้เริ่มนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายแล้วจะเริ่มทำกิจกรรมตลาดมากขึ้น ส่วนที่พม่าหลังจากทำตลาสดแล้วค่อนข้างได้รับการตอบรับที่ดี
บริษัทฯ ยังมองหาพันธมิตรที่จะดำเนินธุรกิจร่วมกันในหลายประเทศเพิ่มขึ้น เช่น บรูไน อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ เพราะสัดส่วนยอดขายเครื่องดื่มจากต่างประเทศยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ แต่คาดว่าช่วงครึ่งปีหลังจะมีสัดส่วนอยู่ที่ 10% ในปีนี้หลังจากขยายตลาดมากขึ้น
ด้าน นายไพศาล อ่าวสถาพร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจอาหาร เปิดเผยว่า ปีนี้มีการเจรจาที่จะซื้อไลเซนส์อาหารญี่ปุ่นเข้ามาเปิดอีก 2-3 แบรนด์แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ และได้ปรับเป้าหมายกลุ่มอาหารใหม่เป็นภายใน 5 ปีจะมีรายได้รวมในประเทศ 8,000-10,000 ล้านบาท ส่วนรายได้ต่างประเทศจะมี 3,000 ล้านบาทเพื่อให้รวมเป็น 13,000 ล้านบาท เริ่มจากปีนี้จากเดิมเริ่มปีที่แล้ว ด้วยงบลงทุนรวม 3,000 ล้านบาท เฉลี่ยปีละ 600 ล้านบาทในการขยายสาขาเฉลี่ย 50 สาขาต่อปี
นายไพศาลกล่าวว่า ครึ่งปีหลังใช้งบตลาด 200 ล้านบาทจากทั้งปี 400 ล้านบาท ล่าสุดจัดแคมเปญ “โออิชิ 15 ปี พร 15 ประการ” ใช้งบ 30 ล้านบาท ลุ้นรางวัลมากมาย ตั้งแต่วันที่ 1-30 กันยายนนี้ คาดกระตุ้นยอดขาย 15% จากรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 150 ล้านบาท
ปัจจุบันมีสาขารวมในไทย 205 สาขา มากที่สุดคือแบรนด์ “ชาบูชิ” 98 สาขา “โออิชิ บุฟเฟ่ต์” 20 สาขา ซึ่งสองแบรนด์นี้ทำรายได้หลักกว่า 80% ส่วนที่เหลือคือ “โออิชิ ราเมง” 55 สาขา และอื่นๆ โดยหลังจากนี้นอกจากจะเน้นขยาย “ชาบูชิ” แล้วยังจะเน้นแบรนด์ “นิกุยะ” ปิ้งย่าง และ “คาคาชิ” ข้าวหน้าต่างๆ ด้วย โดยปัจจุบัน “นิกุยะ” มี 11 สาขา และ “คาคาชิ” มี 9 สาขา ภาพรวมปีนี้เปิดไปแล้ว 18 สาขา หลังจากนี้คาดว่าจะเปิดอีก 22 สาขา คาดว่าในปีนี้คงเปิดได้ 40 สาขาเพราะปัญหาการเมืองในครึ่งปีแรก
สำหรับธุรกิจใหม่คือการเตรียมเปิดคีออสก์ขาย “เกี๊ยวซ่า” สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในลักษณะคล้ายๆ กับธุรกิจไก่ย่างห้าดาว โดยผู้สนใจต้องซื้อวัตถุดิบจากบริษัทฯ ซึ่งแต่เดิมเกี๊ยวซ่าจะวางขายในเซเว่นอีเลฟเว่นเป็นหลัก สามารถทำรายได้ 300 ล้านบาทต่อเดือน
ล่าสุดบริษัทฯ เริ่มขยายต่างประเทศแล้วด้วยแบรนด์ “ชาบูชิ” ในประเทศพม่าด้วยการร่วมทุนตั้ง บริษัท โออิชิ เมียนมาร์ จำกัด ทุนจดทะเบียน 1 ล้านเหรียญสหรัฐ เราถือ 55% พม่าคือบริษัท ซิตี้ มาร์ท จำกัด ทำธุรกิจเกี่ยวกับซูเปอร์มาร์เกตและห้างสรรพสินค้า “โอเชียน” ถือ 45% เปิดสาขาแรกเมื่อเดือนกรกฎาคมที่กรุงย่างกุ้ง ส่วนตุลาคมจะเปิดที่เมืองมัณฑะเลย์ และเปิดที่กรุงย่างกุ้งอีกในเดือนธันวาคม รวมปีนี้ 3 สาขา ส่วนประเทศอื่นอยู่ระหว่างการเจรจา คือ ลาว กัมพูชา เวียดนาม และมาเลเซีย ซึ่งจะเน้นแบรนด์ “ชาบูชิ” กับ “นิกุยะ” แต่ยังไม่สรุปชัดเจนว่าจะร่วมลงทุน หรือขายแฟรนไชส์
ทั้งนี้ คาดว่าในปี 2557 จะมีรายได้จากกลุ่มอาหารรวม 7,000 ล้านบาท เติบโต 21% จากเดิมที่ตั้งไว้จะมี 7,400 ล้านบาท เติบโต 30%