xs
xsm
sm
md
lg

“พาณิชย์” ดึงสินค้าอุปโภคบริโภค-ก่อสร้าง เข้าอยู่ในครอบครัวหนูณิชย์ หวังลดราคาช่วยประชาชน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กรมการค้าภายในต่อยอดร้าน “หนูณิชย์พาชิม” ดึงสินค้าอุปโภคบริโภค วัสดุก่อสร้างร่วมเป็นครอบครัวหนูณิชย์ เพื่อจำหน่ายสินค้าราคาถูกช่วยลดค่าครองชีพให้ประชาชน เผยล่าสุดร้านอาหารจานด่วนเข้าร่วมโครงการทะลุ 700 ร้านแล้ว เตรียมหารือหอการค้าจังหวัดลุยต่อต่างจังหวัด เน้นหัวเมืองใหญ่ ตั้งเป้ามีไม่ต่ำกว่าจังหวัดละ 30 แห่ง

นางจินตนา ชัยยวรรณาการ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ มีแผนที่จะขยายเครือข่ายโครงการหนูณิชย์พาชิมให้ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น นอกเหนือจากสินค้าอาหารปรุงสำเร็จ โดยจะขยายเป็นครอบครัวหนูณิชย์ และเพิ่มจำนวนสินค้าที่เข้าร่วมโครงการจำหน่ายสินค้าราคาประหยัด เช่น สินค้าอุปโภคบริโภค วัสดุก่อสร้าง เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกรมฯ กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าการขยายโครงการนี้จะมีมาตรการในการช่วยเหลือร้านค้าอย่างไร และร้านค้าต้องดำเนินการอะไรบ้าง

สำหรับโครงการหนูณิชย์พาชิมในส่วนของร้านอาหารปรุงสำเร็จ ล่าสุดมีร้านอาหารเข้าร่วมโครงการแล้ว 700 แห่งทั่วกรุงเทพฯ และกำลังประสานงานกับหอการค้าจังหวัด โดยเน้นการเพิ่มร้านค้าในหัวเมืองใหญ่ เช่น นครราชสีมา สุราษฎร์ธานี ขอนแก่น เชียงใหม่ เพื่อคัดเลือกร้านอาหารในพื้นที่ให้เข้ามาร่วมโครงการหนูณิชย์พาชิมเพื่อจำหน่ายอาหารประเภทอาหารจานเดียวให้แก่ประชาชนในราคาถูกจานละ 25-35 บาท โดยต้องเป็นไปตามเงื่อนไข คือ ถูก สะอาด ดี อร่อย

ทั้งนี้ ร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับการสนับสนุนวัตถุดิบราคาพิเศษจากกรมฯ เช่น ข้าวสาร น้ำตาลทราย น้ำมันพืช เครื่องปรุงรส ที่จะประสานงานไปยังผู้ผลิตเพื่อจัดหาให้ รวมทั้งได้ประสานผู้ผลิตน้ำอัดลมเพื่อให้ความช่วยเหลือในการตกแต่งร้านและจำหน่ายน้ำอัดลมในราคาพิเศษ ซึ่งเป็นผลดีต่อเอกชนผู้ประกอบการ เพราะถือเป็นการทำ CSR ของบริษัทอย่างหนึ่ง และยังได้รับการสนับสนุนด้านสินเชื่อจากธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย

ร้านค้าที่ร่วมโครงการจะได้รับมอบป้ายสัญลักษณ์ “หนูณิชย์พาชิม” เพื่อรับรองคุณภาพ มาตรฐาน และราคา คาดว่าภายใน 2-3 สัปดาห์จากนี้จะสรุปจำนวนร้านค้าที่ร่วมโครงการได้ ตั้งเป้าหมายจะให้มีจำนวนไม่ต่ำกว่า 30 แห่งในแต่ละจังหวัด

นางจินตนากล่าวว่า การเคลื่อนไหวของราคาไข่ไก่ในปัจจุบันยอมรับว่ามีราคาที่ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากผลิตออกมาน้อยจากสภาพอากาศแปรปรวนและเกิดโรคระบาดขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นไปตามกลไกของตลาด โดยกรมฯ ได้หารือกับตัวแทนของเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ไปเมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อขอความร่วมมือให้ตรึงราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มที่ฟองละ 3.30 บาท ซึ่งเกษตรกรก็ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม อยากให้ผู้บริโภคเข้าใจเกษตรกรผู้ผลิตด้วย เพราะไข่ไก่เป็นสินค้าที่ไม่สามารถเก็บไว้ได้นาน และยอมรับว่าในบางช่วงการบริโภคก็ลดลง โดยเฉพาะช่วงเทศกาลกินเจ ซึ่งเป็นช่วงที่เกษตรกรต้องแบกรับภาระขาดทุน ดังนั้นการขอความร่วมมือให้จำหน่ายไข่ไก่หน้าฟาร์มที่ฟองละ 3.30 บาท ถือว่าเป็นราคาที่เป็นธรรมแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น