“สหพัฒน์” รุกธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น ดึงร้าน “นิปปอน เทอิ” ของไทยผนึกกลุ่มซาโต ญี่ปุ่น ตั้งบริษัทร่วมทุน ปั้นแบรนด์ “วาโชกุ ซาโต” ลุยชาบู บุฟเฟต์ แผน 8 สาขาใน 5 ปีก่อนขยายต่างประเทศในเออีซี
นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า เครือสหพัฒน์ได้ร่วมทุนกับทางฝ่ายไทยคือ นายกิตติ อุรุพัฒนาการ ประธานบริษัท เอ.ที.วี.โฮลดิ้ง จำกัด เจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยชื่อ “นิปปอน เทอิ” ถือหุ้น 61% และทางญี่ปุ่นคือ บริษัท ซาโต เรสเตอรองต์ ซิสเท็มส์ จำกัด เจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่นแบรนด์ “วาโชกุ ซาโต” ถือหุ้น 19% ส่วนสหพัฒน์ถือหุ้น 20% จัดตั้ง บริษัท นิปปอนเต ซาโต จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 60 ล้านบาท เพื่อนำเข้าและบริหารจัดการร้าน “วาโชกุ ซาโต” ในไทย เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นประเภทชาบู บุฟเฟต์
ทั้งนี้ แผนธุรกิจในไทยจะเปิดสาขาให้ครบ 8 สาขาภายใน 5 ปี ลงทุนสาขาละประมาณ 30 ล้านบาท โดยสาขาแรกตั้งอยู่ที่ “เจ ปาร์ค” คอมมูนิตี้มอลล์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ของสหพัฒน์ คาดเปิดตุลาคม ศกนี้ เนื่องจากในพื้นที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี มีชาวญี่ปุ่นอาศัยและทำงานอยู่ไม่น้อยกว่า 6 พันคน และคาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นคนในอนาคตอันใกล้นี้ เพราะเวลานี้บริษัทญี่ปุ่นหลายแห่งย้ายฐานผลิตไปอยู่ที่ชลบุรีมากขึ้นหลังจากที่เกิดปัญหาน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 แต่ภาคตะวันออกน้ำท่วมน้อยที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มว่า ก่อนหน้านี้ทางสหพัฒน์โดยบริษัท เพรซิเดนท์ฟู้ด จำกัด บริษัทในเครือสหพัฒน์ก็ร่วมทุนกับญี่ปุ่นทำร้านอาหาร “ชาโบเตน” ประเภทข้าวหน้าหมูทอดมาแล้วหลายปี โดยปัจจุบันประเทศไทยถือว่าร้านอาหารญี่ปุ่นได้รับความนิยมอย่างมาก ถือเป็นอันดับที่ 5 ในโลกที่มีร้านอาหารญี่ปุ่นมากที่สุด รองจากสหรัฐอเมริกา จีน เกาหลีใต้ และไต้หวัน
ด้าน นายกิตติ อุรพัฒนาการ ประธานบริษัท เอ.ที.วี.โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า จากประสบการณ์ทำอาหารญี่ปุ่นมากว่า 26 ปีพบว่า ร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยได้รับความนิยมไม่น้อย มีมูลค่ารวมมากกว่า 1.7 หมื่นบาท เติบโตเฉลี่ย 10-15% ต่อปี และมีแนวโน้มเติบโตเรื่อยๆ จึงร่วมทุนตั้งบริษัทดังกล่าวขึ้นมา โดยช่วงแรกจะเน้นการขยายสาขาในต่างจังหวัด โดยเฉพาะ จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง เนื่องจากตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นยังเปิดกว้างและมีชาวญี่ปุ่นอาศัยทำงานจำนวนมาก ขณะที่ในกรุงเทพฯ มีร้านอาหารญี่ปุ่นมากแล้วแต่ในอนาคตจะขยายเข้ากรุงเทพฯ ด้วย ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ 200 ล้านบาท ภายใน 5 ปีครบ 8 สาขา รวมทั้งศึกษาการขยายธุรกิจไปในกลุ่มประเทศเออีซีด้วย เบื้องต้นมองประเทศพม่า กัมพูชา ลาว
ปัจจุบันบริษัทฯ บริหาร้าน “นิปปอน เทอิ” มากกว่า 26 ปี มีสาขา เช่น ตึกนันทวัน โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล สยามพารากอน นิคมอุตสาหกรรมอมตะ เจปาร์ค ศรีราชา เป็นต้น
นายโยะชิทะกะ ชิเงะซาโตะ ประธาน ซาโต เรสเตอเรสเตอรองต์ ซิสเท็มส์ กล่าวว่า บริษัทฯ มีร้านอาหารญี่ปุ่นในเครือหลายแบรนด์และหลากหลายรูปแบบ ซึ่งการขยายแบรนด์ “วาโชกุ ซาโต” เข้ามาในใทยนี้ถือเป็นประเทศที่สามนอกจากญี่ปุ่น โดยที่ญี่ปุ่นมีแบรนด์ “วาโชกุ ซาโต” มากกว่า 197 สาขาแล้ว มีรายได้สัดส่วนมากกว่า 30% ของเครือ และหากประสบความสำเร็จก็อาจจะพิจารณานำแบรนด์อื่นที่มีความเหมาะสมเข้ามาเปิดในไทยก็ได้
ทั้งนี้ “ซาโต” เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ญี่ปุ่น มีรายรับ 32.8 พันล้านเยน หรือประมาณ 1 หมื่นล้านบาท มีพนักงานกว่า 854 คน นอกจากประเทศไทยและญี่ปุ่นแล้วก่อนหน้านี้ได้ขยายไปที่ประเทศไต้หวัน 2 สาขา เปิดสาขาแรกปี 2010 และที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เปิดสาขาแรกเมื่อปีที่แล้ว