ASTVผู้จัดการรายวัน - “เถ้าแก่น้อย” ทุ่ม 500 ล้านบาท สร้างโรงงานผลิตใหม่ที่โรจนะ รับแผนเข้าตลาดหุ้นปีหน้า หวังระดมทุนอีก 1,000 ล้านบาท แย้มแผนรุกตลาดสแน็กกลุ่มอื่น ประเดิมข้าวโพดคั่วบรรจุซอง พร้อมปรับลดรายได้รวมเหลือ 2,800 ล้านบาท โต 10% จากเดิม 3,000 ล้านบาท โต 15%
นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ด แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางแผนลงทุนประมาณ 500 ล้านบาทภายใน 3 ปีนี้เพื่อสร้างโรงงานใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยา เพิ่มกำลังผลิตอีกรวมมูลค่าการผลิต 3,500 ล้านบาทต่อปี จากเดิมมีโรงงานที่ จ.ปทุมธานี มูลค่าการผลิต 3,500 ล้านบาทต่อปี เพื่อรองรับตลาดส่งออกและการขยายสินค้าในแคทิกอรีใหม่ๆ ด้วยโมเดลธุรกิจ “ซี ทู ฟาร์ม” (Sea to Farm) ที่เริ่มต้นจากสาหร่ายทอดที่มีวัตถุดิบจากทะเลจะขยายสู่วัตถุดิบจากฟาร์ม
อย่างไรก็ตาม การขยายโรงงานเป็นส่วนหนึ่งของแผนลงทุนระยะยาวรองรับจากแผนการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คาดว่าจะทำ IPO ได้ในไตรมาสสองปีหน้า ขณะนี้เตรียมยื่นไฟลิ่ง โดยมี บล.เอเซียพลัส และ บล.กิมเอ็ง เป็นที่ปรึกษา ทุนจดทะเบียนขณะนี้ 160 ล้านบาท จะเพิ่มเป็น 300 ล้านบาท คาดว่าจะระดมทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท และคาดว่าจะมีมูลค่ามาร์เก็ตแคปประมาณ 6,000 ล้านบาท
ล่าสุดบริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดสแน็กกลุ่มใหม่คือ ข้าวโพดคั่วบรรจุซอง จากเดิมที่ได้เปิดธุรกิจร้านค้าปลีกข้าวโพดคั่วสดไปแล้วคือแบรนด์ “ต๊อบคอร์น” เมื่อปีที่แล้ว โดยขายในร้าน “เถ้าแก่น้อยแลนด์” 6 สาขาคือ สยามสแควร์วัน, เดอะมอลล์งามวงศ์วาน, เดอะมอลล์บางกะปิ, เทอร์มินัล 21, ซีคอนสแควร์ศรีนครินทร์ และเดอะมอลล์ ท่าพระ
สำหรับข้าวโพดบรรจุซองแบรนด์ “เถ้าแก่ป๊อป” ได้ลงทุน 50 ล้านบาทในการเพิ่มไลน์การผลิตที่ จ.ปทุมธานี เริ่มวางจำหน่ายแล้วที่เซเว่นอีเลฟเว่น มี 2 รสชาติคือ รสคาราเมล และคาราเมลเชดด้าชีส ราคา 20 บาท คาดว่าปลายเดือนสิงหาคมนี้จะครบทุกสาขา ก่อนขยายช่องทางอื่น เช่น บิ๊กซี เทสโก้โลตัส ร้าน 108 ชอป เป็นต้น และมีแผนขยายช่องทางอื่นด้วย เช่น โรงภาพยนตร์
สาเหตุที่เข้าสู่ตลาดสแน็กข้าวโพดคั่วบรรจุซองเพราะเป็นตลาดที่เติบโตดีที่สุดในกลุ่มสแน็กทั้งหมดคือ โตเกิน 30% ในช่วงที่ผ่านมา โดยครึ่งปีแรกนี้โต 44% ส่วนปีที่แล้วเติบโต 69% แม้มูลค่าตลาดรวมข้าวโพดคั่วบรรจุซองจะมีเพียงประมาณ 300 ล้านบาทก็ตาม แต่ก็มีศักยภาพ ขณะที่ตลาดรวมสแน็กมูลค่า 30,000 ล้านบาท ติดลบ 1% เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ซึ่งบริษัทฯ คาดหวังยอดขายธุรกิจข้าวโพดคั่วบรรจุซองในช่วง 1 ปีแรกไว้ประมาณ 100 ล้านบาท และงบตลาด 15 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันตลาดข้าวโพดคั่วบรรจุซองมีผู้เล่นรายหลัก เช่น โตโร่ นิวยอร์กป๊อปคอร์น ปาร์ตี้ ส่วนเถ้าแก่ป๊อปคาดว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดในปีแรกที่ 15-20%
ส่วนตลาดสาหร่ายปีนี้ตลาดรวมมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท ทรงตัวไม่ได้เติบโตมากนัก บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยจะเน้นตลาดเอเชียก่อนเพื่อก้าวสู่เอเชียแบรนด์ใน 5 ปีตามแผนเดิมที่จะต้องจำหน่ายให้ได้มากกว่า 90% ของจำนวนประเทศในเอเชีย ขณะนี้ขายแล้วกว่า 50% ในเอเชีย โดยปีนี้จะเน้นที่ประเทศจีนและอินโดนีเซียซึ่งเป็นตลาดใหญ่ ก่อนที่จะก้าวสู่โกลบอลแบรนด์ใน 10 ปีต้องมียอดขาย 10,000 ล้านบาทและมีขายมากกว่า 100 ประเทศ
นายอิทธิพัทธ์ กล่าวต่ออีกว่า ปีนี้จะใช้งบตลาดรวม 100 ล้านบาทและคาดว่ารายได้รวมในปีนี้จะมีประมาณ 2,800 ล้านบาท เติบโต 10% สัดส่วนสาหร่าย 85% ข้าวโพด15% สัดส่วนในประเทศ 60% และต่างประเทศ 40% โดยตั้งเป้าหมายสัดส่วนรายได้ 50% เท่ากันภายใน 3 ปีจากนี้ซึ่งคาดว่ารายได้รวมจะอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท จากเดิมที่ปีนี้ตั้งเป้ารายได้รวมไว้ที่ 3,000 ล้านบาทแต่ปรับเหลือ 2,800 ล้านบาท เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไม่ดี