ขสมก.ดอดประกาศ TOR ซื้อรถเมล์ NGV จำนวน 3,183 คัน วงเงิน 1.3 หมื่นล้านแล้ว แก้เงื่อนไขส่งมอบรถแอร์ล็อตแรก 489 คันใน 90 วันหลังเซ็นสัญญา จากเดิมส่งมอบใน 180 วัน “อนุฯ ป.ป.ช.” เผยโครงการถูกตรวจสอบจากทุกภาคส่วนมากว่า 1 ปี ลงเอยแบบเร่งรีบเปิดโอกาสให้ทุจริตแบบนี้เพราะยังไม่ชัดเจนว่าโปร่งใส, คุ้มค่าหรือไม่ คสช.ต้องรับผิดชอบ ด้านเอกชนยัน TOR ไม่ส่งเสริมอุตฯ ต่อรถโดยสารคนไทย และยังทำลายโอกาสพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศด้วย
รายงานข่าวจากองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมาทางคณะกรรมการร่าง TOR โครงการจัดซื้อรถโดยสารใช้ก๊าซธรรมชาติ (NGV) จำนวน 3,183 คัน วงเงิน 13,162.2 ล้านบาท ด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ ได้ประกาศร่าง TOR ฉบับที่ 11 ลงเว็บไซต์ ขสมก.แล้ว ระหว่างวันที่ 8 ส.ค.-15 ส.ค. 57 โดยเป็นการนำเสนอร่าง TOR เพื่อให้สาธารณชนเสนอแนะและวิจารณ์เท่านั้น ซึ่ง ขสมก.ระบุว่ามีความจำเป็นจะต้องจัดซื้อรถโดยสารใช้ NGV จำนวน 3,183 คัน เป็นรถโดยสารธรรมดาจำนวน 1,659 คัน และรถโดยสารปรับอากาศจำนวน 1,524 คันเนื่องจากรถ ขสมก.มีสภาพเก่า ชำรุด ทรุดโทรม และจอดเสียเป็นจำนวนมาก องค์การจึงกำหนดให้จัดส่งรถโดยสารในระยะแรก ภายในระยะเวลา 90 วัน นับถัดจากวันลงนามสัญญา โดยเป็นรถโดยสารปรับอากาศที่ประกอบสำเร็จพร้อมใช้งานจำนวน 489 คันเพื่อนำไปใช้บริการทดแทนรถโดยสารปรับอากาศที่จอดเสีย และไม่สามารถใช้งานได้ ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่เปลี่ยนแปลงจากร่าง TOR ครั้งที่ 10
นายไพโรจน์ วงศ์วิภานนท์ ประธานคณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชุดเฝ้าระวังโครงการจัดซื้อรถเมล์ NGV 3,183 คัน กล่าวว่า รู้สึกแปลกใจที่ ขสมก.ประกาศร่าง TOR ครั้งที่ 11 ออกมาในขณะที่ข้อท้วงติงหลายเรื่องยังไม่ได้รับการแก้ไขให้ชัดเจน ฝ่ายบริหารมีอำนาจในการเร่งรัดโครงการ แต่ ป.ป.ช.ได้ท้วงติงไปหลายครั้งเรื่องราคากลางรถแอร์ที่คันละ 4.5 ล้านบาท รถร้อนคันละ 3.8 ล้านบาทนั้นไม่เหมาะสม ซึ่งเป็นเรื่องความคุ้มค่าโดยตรง และก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้พูดชัดเจนว่า ต้องการรถเมล์ใหม่เร็วแต่ ขสมก.ต้องทบทวนในเรื่องความคุ้มค่าและโปร่งใส การดันทุรังประมูลโดยกระบวนการขาดหลักธรรมาภิบาล ไม่โปร่งใส เป็นการเปิดโอกาสให้ทุจริตได้ง่ายหรือไม่ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ต้องรับผิดชอบด้วย
“ข้ออ้างที่ต้องเร่งรัดประมูลคือต้องการให้มีรถเมล์ใหม่เร็วที่สุด ต้องถามว่ารถเมล์ขาดแคลนจริงหรือไม่ เพราะปัจจุบันนรถเมล์เอกชนเป็นรถใหม่ใช้ก๊าซวิ่งให้บริการจำนวนมาก รถว่างผู้โดยสารไม่เต็ม ขสมก.ไม่เคยพิสูจน์ว่ารถเมล์ขาดแคลนได้แต่พูด ทุกโครงการมีต้นทุน ต้องให้เกิดความคุ้มค้ามากที่สุด ซึ่งต้องติดตามว่าโครงการที่มีภาคประชาชน เครือข่ายคนพิการ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค นักวิชาการ สื่อมวลชน ผู้ประกอบการ ร่วมกันตรวจสอบโดยไม่มีผลประโยชน์แม้แต่บาทเดียวเป็นเวลากว่า1 ปี จนถึงวันนี้ที่ คสช.เข้ามาบริหารประเทศ ในที่สุดแล้วจะมีผลอย่างไร” นายไพโรจน์กล่า
นายอรุณ ลีธนาโชต ภาคเอกชนที่ร่วมตรวจสอบโครงการจัดซื้อรถเมล์ NGV มาอย่างต่อเนื่อง กล่าวว่า ข้อกำหนดที่ให้ส่งมอบรถโดยสารปรับอากาศที่ประกอบสำเร็จพร้อมใช้งานจำนวน 489 คันเป็นล็อตแรก ภายในระยะเวลา 90 วันนับถัดจากวันลงนามสัญญาค่อนข้างกว้างมาก และขัดแย้งกับความเป็นจริงเรื่องกำลังการผลิตในประเทศ และอาจจะเปิดช่องให้เป็นการนำเข้ารถสำเร็จรูปเข้ามา ซึ่งในรอบ 20 ปีถือว่าโครงการนี้ใหญ่มากสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์โดยสารของคนไทย ที่ควรจะใช้เป็นโอกาสในการส่งเสริมอุตฯ คนไทย และยังพัฒนาต่อยอดอุตฯ ทั้งระบบได้หากให้นักวิชากผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและ สวทช.ร่วมกันออกแบบและผลิตเป็นรถบัส รถเมล์แห่งชาติ แต่ถ้าอ้างว่าต้องเร่งด่วนอย่างเดียว โครงการนี้ก็คงไม่สร้างประโยชน์แก่ประเทศ
ทั้งนี้ TOR ยังคงกำหนดคุณสมบัติของตัวรถเหมือนเดิม รถแอร์เป็นรถชานต่ำไร้บันได หรือ Low Floor ส่วนรถร้อนไม่กำหนดเป็นชานต่ำ แต่ให้จัดอุปกรณ์อำนวยความสะดวกรถ wheelchair โดยแป้นยกกว้างไม่น้อยกว่า 80 ซม. ยาวไม่น้อยกว่า 1.20 เมตร ซึ่งไม่สะดวกในการใช้งานจริงเพราะจะเสียเวลาและไม่สัมพันธ์กับพื้นที่จอดรถและฟุตปาธถนน ในขณะที่เครือข่ายคนพิการเรียกร้องมาตลอดขอให้ปรับรถร้อนเป็นชานต่ำเหมือนรถแอร์
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันนี้ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา ในการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ (กพช.) ครั้งที่ 1/2557 ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่มี พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองหัวหน้า คสช. ในฐานะหัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา เป็นประธาน มีมติให้ประสานกับกระทรวงคมนาคมและ ขสมก. ซึ่งเตรียมจะจัดซื้อรถเมล์ NGV พิจารณาจัดซื้อรถเมล์ชานต่ำ เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้บริการคนพิการได้
สำหรับร่าง TOR จัดซื้อรถเมล์ NGV กำหนดจัดซื้อรวม 8 รายการ ประกอบด้วย 1. รถโดยสารธรรมดาสำหรับเขตการเดินรถที่ 4 จำนวน 424 คัน 2. รถโดยสารธรรมดาสำหรับเขตการเดินรถที่ 6 จำนวน 374 คัน 3. รถโดยสารธรรมดาสำหรับเขตการเดินรถที่ 7 จำนวน 453 คัน 4. รถโดยสารธรรมดาสำหรับเขตการเดินรถที่ 8 จำนวน 408 คัน
5. รถโดยสารปรับอากาศสำหรับเขตการเดินรถที่ 1 จำนวน 408 คัน 6. รถโดยสารปรับอากาศสำหรับเขตการเดินรถที่ 2 จำนวน 489 คัน 7. รถโดยสารปรับอากาศสำหรับเขตการเดินรถที่ 3 จำนวน 175 คัน 8. รถโดยสารปรับอากาศสำหรับเขตการเดินรถที่ 5 จำนวน 452 คัน