xs
xsm
sm
md
lg

“อากู๋-วิชัย” แลกหุ้นต่อยอด รื้อแผน “ซีทีเอช” ล้างขาดทุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม
ASTVผู้จัดการรายวัน - สองยักษ์มีเดีย “ซีทีเอช” - “จีเอ็มเอ็ม” จับมือแลกหุ้น หวังต่อยอดและแก้ปัญหา ด้าน “ซีทีเอช” ปรับโครงสร้างธุรกิจ ชูกลยุทธ์เพิ่มพันธมิตร หวังดึงเม็ดเงินมาจ่ายค่าลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก หลังทำมา 1 ปียอดสมาชิกต่ำเป้า รายได้ยังขาดทุน

จากกระแสข่าวลือว่า บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เตรียมขายหุ้นให้ บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) เนื่องจากธุรกิจทีวีดาวเทียมประเภทบอกรับสมาชิก (เพย์ทีวี หรือ PAY TV) ในชื่อ “จีเอ็มเอ็ม แซท” ซึ่งมีผลขาดทุนมาตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา

ล่าสุดแหล่งข่าวจากทางบริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ข่าวที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงที่ทางซีทีเอชและแกรมมี่กำลังเจรจากันอยู่ แต่ยังไม่สรุปออกมา คาดว่าหลังจากมีการแถลงข่าวความร่วมมือกันในวันนี้ (วันที่ 23 ก.ค.) ของทั้งสองบริษัทแล้วจะเริ่มดำเนินการได้

ส่วนแผนการร่วมมือกันในครั้งนี้จะเป็นในลักษณะแลกหุ้นกันระหว่างบริษัท จีเอ็มเอ็ม แซท จำกัด กับทางผู้ถือหุ้นหลักของทางซีทีเอช ซึ่งมีอยู่ 2 รายหลัก คือ นายวิชัย ทองแตง และผู้ถือหุ้นจากทางไทยรัฐ โดยการแลกหุ้นกันครั้งนี้ต้องอยู่ที่การตีราคาของมูลค่าหุ้นของแต่ละฝ่ายว่ามีมูลค่าอยู่ที่เท่าไรตามมูลค่าของกิจการ จึงจะสามารถบอกได้ว่าสุดท้ายแล้วฝ่ายใดจะถือหุ้นมากกว่ากัน หรือจะเป็นการแลกหุ้นและดำเนินธุรกิจในลักษณะเป็นพาร์ตเนอร์ร่วมกัน

แต่ทั้งนี้มีแนวโน้มว่าทางแกรมมี่น่าจะมีโอกาสในการถือหุ้นในครั้งนี้มากกว่า ส่วนในอนาคตจะเป็นการรวมบริษัทแล้วเข้าตลาดหุ้นก็มีความเป็นไปได้สูง ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดจะมีการแถลงข้อเท็จจริงในวันนี้
วิชัย ทองแตง
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า แผนการแลกหุ้นของทั้งสองบริษัทนั้นมีมาสักระยะหนึ่งแล้ว ส่วนเหตุผลที่ทางซีทีเอชสนใจแลกหุ้นกับทางจีเอ็มเอ็ม แซท นั้น ส่วนหนึ่งเกิดจากแผนการปรับรูปแบบธุรกิจของซีทีเอช หลังจากที่นายเชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ เข้ามาทำหน้าที่ ประธานกรรมการบริหาร และวางธุรกิจซีทีเอชใหม่ มุ่งเน้นการสร้างพันธมิตร ขยายเครือข่ายและการเข้าถึงผู้ชม เพื่อสร้างรายได้จากคอนเทนต์ฟุตบอลอังกฤษพรีเมียร์ให้มากที่สุด ซึ่งบริษัทฯ ชนะการประมูลได้ลิขสิทธิ์มา 3 ฤดูกาล ด้วยมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท มากกว่าที่จะลงทุนเองทั้งหมด

เนื่องจากปีแรกที่ได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกมานั้น ปรากฏว่ารายได้และยอดสมาชิกไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากปัญหาทางด้านเศรษฐกิจและการทำตลาดไม่เต็มที่ รวมถึงการแลกหุ้นกับทางแกรมมี่ในครั้งนี้ส่วนหนึ่งเพื่อต้องการหาเม็ดเงินเพื่อไปจ่ายค่าลิขสิทธ์พรีเมียร์ลีก ครั้งที่ 2 ภายในเดือน ส.ค.ศกนี้ ซึ่งมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท จากค่าลิขสิทธ์ที่ซื้อมาร่วม 10,000 กว่าล้านบาท แบ่งจ่ายทั้งหมด 3 งวด

ขณะที่ในแง่รายได้ของซีทีเอชในปีนี้เองนั้นยังมีแนวโน้มขาดทุนอยู่และยอดสมาชิกยังอยู่ที่ระดับ 5 แสนรายเท่านั้น ดังนั้นการแลกหุ้นกับทางแกรมมี่จะเป็นประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่ายและซีทีเอชจะสามารถสร้างรายได้เพิ่มจากพรีเมียร์ลีกได้อีกขั้น แต่ทั้งนี้มองว่าถึงแม้จะยังเหลือเวลาของพรีเมียร์ลีกอีก 2 ปีการหารายได้จากพรีเมียร์ลีกก็ยังขาดทุนอยู่

ทั้งนี้ในส่วนของซีทีเอช หลังจากที่นายเชิดศักดิ์เข้ามาบริหารตั้งแต่ปีก่อน นอกจากโครงสร้างธุรกิจจะเปลี่ยนไปแล้ว โครงสร้างผู้บริหารก็เปลี่ยนไปด้วย เพราะล่าสุดนี้ นายกฤษณัน งามผาติพงศ์ ซึ่งนั่งในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารได้ลาออกไปแล้ว

ล่าสุดนายวันชัย ศรีสุชน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน ก็ได้เตรียมที่จะลาออกจากซีทีเอชไปอีกคนภายในสิ้นเดือนนี้เช่นกัน ซึ่งว่ากันว่าอาจจะเกิดความขัดแย้งแนวทางการทำธุรกิจและการเปลี่ยนผู้ถือหุ้น

ส่วนโครงสร้างธุรกิจที่เดิมวางไว้ว่าจะลงทุนด้านบรอดแบนด์ไปพร้อมๆ กันนั้นอาจจะต้องหยุดไว้ก่อน มุ่งเน้นบริหารรายได้จากพรีเมียร์ลีกให้มากที่สุด จึงจะนำเรื่องของบรอดแบนด์กลับมาอีกครั้ง เนื่องจากดำเนินการในเวลานี้ไม่คุ้มทุน ยอดสมาชิกยังน้อยอยู่ และการบริหารพรีเมียร์ลีกยังขาดทุน

อย่างไรก็ตาม เดิมก่อนหน้านี้ทางซีทีเอชต้องการหาพันธมิตรเข้ามาร่วมหุ้นที่เหลืออีก 20-25% โดยได้มีการทาบทามเจรจาจีเอ็มเอ็มแกรมมี่เช่นกัน แต่ท้ายที่สุดก็ตกลงเงื่อนไขกันไม่ได้ จึงได้มีการเจรจาใหม่อีกรอบในช่วงหลังนี้

ขณะที่ปัจจุบันซีทีเอชได้เพิ่มทุนจดทะเบียนมาเป็น 3,000 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท โดยผู้ถือหุ้นหลักอย่าง นายวิชัย ทองแตง และทางไทยรัฐ ถือหุ้นร่วมกันคิดเป็นสัดส่วนกว่า 90% และอีก 10% เป็นของกลุ่มผู้ประกอบการเคเบิลทีวีประมาณ 100 รายทั่วประเทศ ซึ่งไม่มีสิทธิ์มีเสียงในการบริหารหรือกำหนดทิศทางแต่อย่างใด

ส่วนทางแกรมมี่นั้น นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ เคเคเทรด จำกัด กล่าวว่า แกรมมี่ต้องตัดสินใจว่าจะเลือกระหว่างธุรกิจทีวีดิจิตอลกับธุรกิจเพย์ทีวี เพราะทั้งสองธุรกิจนั้นมีค่าใช้จ่ายที่สูง ถ้าต้องลงทุนทำทั้ง 2 ธุรกิจย่อมกระทบต่อผลการดำเนินธุรกิจในภาพรวมซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าแกรมมี่น่าจะเลิกในส่วนของธุรกิจ PAY TV เพราะมีผลขาดทุนมาตลอด 2 ปีที่ดำเนินการ ซึ่งถ้าเลิกธุรกิจ PAY TV จริงจะเป็นผลดีต่อแกรมมี่เองตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAMMY เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทวันที่ 22 ก.ค.57 ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทย่อยของบริษัท คือ Z Trading ลงทุนในหุ้นสามัญของ บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) หรือ CTH และให้สัตยาบันการลงนามในบันทึกข้อตกลงการซื้อหุ้นสามัญของ CTH เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 57 โดยจะชำระค่าซื้อหุ้นดังกล่าวเป็นหุ้นสามัญของบริษัทย่อยของบริษัทให้กับบริษัทย่อยของ CTH ทั้งนี้ รายการซื้อขายหุ้นดังกล่าวจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ก.ค.57

สำหรับบริษัท แซท เทรดดิ้ง จำกัด (Z Trading) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 99.98 ลงนามในบันทึกข้อตกลงในการเข้าซื้อหุ้นสามัญของ CTH จำนวนทั้งสิ้น 30,000,000 หุ้น มูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,030,000,000 บาท คิดเป็นราคา 34.33 บาทต่อหุ้น โดยบริษัทฯ จะชำระราคาค่าซื้อหุ้นดังกล่าวเป็นหุ้นสามัญของ บริษัท จีเอ็มเอ็ม บี จำกัด (GMM B) ให้แก่บริษัทย่อยของ CTH คือ บริษัท ซีทีเอช แอลซีโอ จำกัด (CTH LCO) เป็นจำนวนทั้งสิ้น 38,659,700 หุ้น คิดเป็นราคา 26.64 บาทต่อหุ้น ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 100 ของทุนจดทะเบียนชาระแล้วของ GMM B โดยสินทรัพย์ที่ได้มาคือ หุ้นสามัญของ CTH จำนวน 30,000,000 หุ้น โดยทุนจดทะเบียนที่ได้จัดสรรและชำระแล้วของ CTH ณ ปัจจุบันเท่ากับ 1,925,882,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 192,588,200 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ส่วนสินทรัพย์ที่จำหน่ายไป คือ หุ้นสามัญของ GMM B จานวน 38,659,700 หุ้น (หลังจากการเพิ่มทุน)

GRAMMY ระบุว่าเหตุผลที่ทำรายการดังกล่าว เนื่องจากปัจจุบันธุรกิจโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิกเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงและใช้เงินลงทุนสูง ซึ่งลักษณะธุรกิจของ CTH และ GMM B สามารถส่งเสริมและเกื้อหนุนซึ่งกันและกันได้ ดังนั้น การที่ Z Trading เข้าลงทุนในหุ้นสามัญของ CTH โดยชำระเป็นหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทย่อยนั้นจะช่วยลดต้นทุน และลดการแข่งขันในการดำเนินธุรกิจของทั้งสองบริษัท อันจะส่งผลให้กลุ่มบริษัทฯ มีฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น

ทั้งนี้ CTH เป็นบริษัทที่เกิดจากการรวมตัวของผู้ประกอบการเคเบิลทีวีจากทั่วประเทศ มีการให้บริการและบริหารคอนเทนต์หลายประเภท และมีฐานลูกค้ามากกว่า 2.5 ล้านครัวเรือน

ล่าสุดวันนี้ (23 ก.ค) บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) หรือ CTH จะจัดงานแถลงข่าวจับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจอย่างเป็นทางการ เพื่อก้าวสู่ความเป็นหนึ่งในการให้บริการธุรกิจเพย์ ทีวี โดยใช้ชื่องานว่า “Beyond The Best” ก้าวที่ยิ่งใหญ่ สู่ที่สุดแห่งความบันเทิงที่เหนือกว่า โดยทีมผู้บริหารที่จะเข้าร่วมแถลงข่าวจากทาง CTH ประกอบด้วย นายวิชัย ทองแตง, นายเชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์, นายณัฐวัชร์ วรนพกุล และนายชนวัฒน์ วาจานนท์ และทีมผู้บริหารจากแกรมมี่ ประกอบด้วย นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม, นายกริช ทอมมัส, นางสาวบุษบา ดาวเรือง และนายฟ้าใหม่ ดำรงชัยธรรม


กำลังโหลดความคิดเห็น