ตลาดรวมเพลงปีนี้ยังนิ่ง คาดทรงตัวเท่าปีที่แล้ว 4,000 ล้านบาท เหตุการเมืองและเศรษฐกิจทุบตลาดอ่วม รวมทั้งเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามากระทบช่องทางรับฟัง “จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่”เดินหน้ากลยุทธ์ผนึกพันธมิตรทำตลาดและกิจกรรมมากขึ้น
นายกริช ทอมมัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (สายธุรกิจเพลง) บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการภาคเอกชนจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจของตัวเองมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการรัดเข็มขัดและการลดต้นทุนดำเนินการ เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจที่ถดถอยและปัญหาการเมืองที่วุ่นวาย รัฐบาลรักษาการไม่สามารถให้ความช่วยเหลือเอกชนได้ เพราะยังไม่มีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ
ทั้งนี้ ในส่วนของธุรกิจเพลงนั้นนอกจากปัจจัยลบดังกล่าวแล้วยังเป็นผลกระทบมาจากปัญหาที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาในชีวิตประจำวันมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดเพลงค่อนข้างกระทบและเติบโตลดลงมาตลอด เพราะผู้บริโภคสามารถดาวน์โหลดเพลงฟังฟรีได้ ซึ่งภาพรวมธุรกิจเพลงตั้งแต่ต้นปีนี้ลดลงมาเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว โดยคาดว่าตลาดรวมธุรกิจเพลงและคอนเสิร์ต หรือโชว์บิซปีนี้จะมีอัตราการเติบโตที่ทรงตัวเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 4,000 ล้านบาทเท่ากับปีที่แล้ว ซึ่งก็ยังตกลงมาจากปี 2555 ที่มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 5,000 ล้านบาท
นายกริชก ล่าวต่อถึงแผนการดำเนินธุรกิจเพลงของจีเอ็เอ็มแกรมมี่ในปีนี้ด้วยว่าจะใช้กลยุทธ์ร่วมกับพันธมิตรในการรุกตลาดมากขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจในการสร้างรายได้ให้กับองค์กรและพันธมิตร โดยใช้จุดแข็งของจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ที่มีเครือข่ายและเครื่องมือทางการตลาดมากมาใช้ ซึ่งล่าสุดก็ยังมีทีวีดิจิทัลอีก 2 ช่องในการเสริมความแข็งแกร่งด้วย ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะเน้นการทำการตลาดและกิจกรรมที่เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำสตรีมมิ่ง การเปิดตัวโมเดลพรีเมียมซึ่งเป็นการหาพันธมิตรมาซื้อพื้นที่สื่อโฆษณาของบริษัท เช่น ในยูทิวบ์เพื่อให้ผู้บริโภคชมฟรี หรือการทำพรีเมียมคือการจ่ายเงินเพื่อชมคอนเทนต์ความบันเทิงต่างๆ เป็นต้น
ล่าสุดคือการที่บริษัทนำช่อง “จีเอ็มเอ็ม มิวสิค” จับมือร่วมเป็นพันธมิตรกับผลิตภัณฑ์ “ดร.สมชาย แอคเน่” เพื่อจัดทำกิจกรรม “วีเจ ทาเลนต์ เฟรชชี่ คอนเทสต์” จุดประสงค์เพื่อค้นหาวีเจ วัยรุ่นหน้าใสชาย-หญิง อายุระหว่าง 15-23 ปี มาถ่ายแบบ ถ่ายหนังโฆษณาให้ผลิตภัณฑ์ “ดร.สมชาย” และเป็นวีเจให้ช่อง “จีเอ็มเอ็ม มิวสิค” ด้วย ซึ่งจะเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการสรรหาบุคลากรเข้ามาร่วมงานกับบริษัทฯ
“ผมมั่นใจว่าเมื่อเรารุกตลาดมากขึ้นและทำกิจกรรมการตลาดร่วมกับพันธมิตรต่อเนื่อง รายได้รวมในสิ้นปีนี้คาดว่าน่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งสัดส่วนรายได้หลักยังคงเป็นธุรกิจเพลง รองลงมาคือธุรกิจโชว์บิซ ธุรกิจพรีเซ็นเตอร์ และธุรกิจเมอร์ชันไดส์” นายกริช กล่าว