ASTVผู้จัดการรายวัน - “จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่” สบช่องว่างด้านข้อจำกัดเรื่องพื้นที่จัดคอนเสิร์ตขนาดเล็ก-กลาง ควักทุน 122 ล้านบาทเนรมิตพื้นที่ 4.5 พันตารางเมตร บนชั้น 8 “เซ็นทรัล เวิลด์” ผุด “คอนเสิร์ตฮอลล์” คุณภาพสูงระดับมาตรฐานสากล หวังเปิดตลาดธุรกิจ “อีเวนต์ฮอลล์” ตั้งเป้ารับงานกว่า 104 กิจกรรม พร้อมทำรายได้ขั้นต่ำ 70 ล้านบาทในปี 58
นายกริช ทอมมัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายธุรกิจ จีเอ็มเอ็ม มิวสิค บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ใช้เงินลงทุน 122 ล้านบาทและเวลาประมาณ 7-8 เดือนในการปรับปรุงพื้นที่บริเวณชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ (ฝั่งเซน) เป็นคอนเสิร์ตฮอลล์ระบบมาตรฐานสากลที่สมบูรณ์แบบย่านใจกลางเมืองภายใต้ชื่อ “เมืองไทย GMM LIVE HOUSE” เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจโชว์บิซในเครือ “จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่” ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และยังถือเป็นการต่อยอดเพื่อสร้างรายได้ให้กลุ่มธุรกิจเพลงในภาพรวมอีกด้วย
การลงทุนครั้งนี้เท่ากับเป็นการแตกกลุ่มธุรกิจของ “จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่” เพื่อเข้าสู่ธุรกิจ “อีเวนต์ฮอลล์” เต็มรูปแบบเป็นรายแรกและรายเดียวของประเทศไทย โดยมีพันธมิตรหลักคือ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ และบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ให้เช่าพื้นที่ด้วยสัญญาระยะยาว 12 ปี
“เมืองไทย GMM LIVE HOUSE” ถือเป็นคอนเสิร์ตฮอลล์ที่สมบูรณ์แบบและออกแบบมาเพื่อรองรับการจัดการแสดงประเภทคอนเสิร์ต การจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับดนตรี และการถ่ายทอดสดกิจกรรมต่างๆ ที่ต้องการคุณภาพเสียงระดับมืออาชีพในระบบอะคูสติกขั้นสูง โดยมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้บริการอย่างครบวงจร เช่น เวทีขนาด 18 เมตรและจอแอลอีดีขนาด 10 เมตร บนพื้นที่ภายในฮอลล์ 3 พันตารางเมตร และพื้นที่ด้านนอกเพื่อรองรับกิจกรรมต่างๆ ประมาณ 1.6 พันตารางเมตร รวมเป็นพื้นที่กว่า 4.5 พันตารางเมตร โดยภายในฮอลล์สามารถรองรับผู้ชมได้ 2 พันที่นั่ง และสามารถปรับเป็นพื้นที่สำหรับยืนชมคอนเสิร์ตได้ประมาณ 3 พันที่นั่ง
“เหตุผลสำคัญที่เราตัดสินใจเข้าสู่ธุรกิจอีเวนต์ฮอลล์ เนื่องจากเล็งเห็นข้อจำกัดด้านสถานที่สำหรับจัดคอนเสิร์ตขนาดเล็กและขนาดกลางในย่านใจกลางเมืองที่ยังมีน้อยมากและมักถูกจองล่วงหน้าตลอดทั้งปี เมืองไทย GMM LIVE HOUSE จึงถือเป็นการตอบโจทย์ให้แฟนเพลงของศิลปินค่ายต่างๆ มีโอกาสได้ทำกิจกรรมร่วมกันได้ง่ายและมากขึ้น นอกจากนี้ยังส่งผลไปถึงธุรกิจที่ต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเมอร์ชันไดซ์ การขายซีดี วีซีดี และสินค้าพรีเมียมต่างๆ รวมถึงการถ่ายทอดสดกิจกรรมต่างๆ ซึ่งจะทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเหล่านี้มีโอกาสสร้างรายได้เพิ่มขึ้นด้วย”
นายกริชกล่าวอีกว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายว่าธุรกิจอีเวนต์ฮอลล์จะเป็นอีกหนึ่ง Business Unit ภายใต้ธุรกิจโชว์บิซที่จะสามารถมีผลประกอบการเติบโตได้ด้วยตัวเอง โดยคาดว่าในปี 2558 จะมีรายได้จาก “เมืองไทย GMM LIVE HOUSE” ไม่ต่ำกว่า 70 ล้านบาท และสามารถคืนทุนได้ภายใน 3-5 ปี
“เรายังวางเป้าหมายว่าในแต่ละปีจะต้องมีกิจกรรมต่างๆ เกิดขึ้นภายในฮอลล์แห่งนี้อย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกสัปดาห์ รวมแล้วไม่น้อยกว่า 104 กิจกรรมในช่วงวันศุกร์-อาทิตย์ ส่วนในวันธรรมดายังเปิดโอกาสให้พันธมิตร หรือลูกค้าทั่วไปสามารถเข้ามาใช้พื้นที่สำหรับทำกิจกรรมต่างๆ ได้อีกด้วย ทั้งการจัดคอนเสิร์ตของศิลปินค่ายต่างๆ การจัดกิจกรรมปาร์ตี้ หรือแม้แต่การจัดงานแถลงข่าว รวมถึงการประชุมสัมมนา และอื่นๆ”
นายกริชกล่าวด้วยว่า การพัฒนาพื้นที่คอนเสิร์ตฮอลล์แห่งนี้ยังถือเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินกลยุทธ์การจัดคอนเสิร์ตของ “จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่” ด้วยการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของสปอนเซอร์ให้ลดน้อยลงจาก 40% ให้เหลือเพียง 20% เพื่อเพิ่มความถี่ในการจัดคอนเสิร์ตให้มากขึ้น เพราะบริษัทฯ จะสามารถเพิ่มรายได้จากการจำหน่ายบัตรเข้าชมที่เคยทำได้ประมาณ 60% เป็น 80%
อนึ่ง “เมืองไทย GMM LIVE HOUSE เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยจะเริ่มมีคอนเสิร์ตแรกของศิลปินดูโอ “นิว-จิ๋ว” ในชื่อ “NJ Concert : We Belong Together” ในวันที่ 14-16 พ.ย. 57 โดยในปี 2558 ยังจะใช้เป็นสถานที่จัดประกวด “เดอะสตาร์” อีกด้วย