5 องค์กรภาคเอกชนเตรียมเสนอ 5 เรื่อง 14 ประเด็นขับเคลื่อนเศรษฐกิจในเวที “กรอ.” ที่มีหัวหน้า คสช.เป็นประธาน ซึ่งจะถกนัดแรก 16 ก.ค.นี้หวังผลักดันเศรษฐกิจไทยปีนี้ทั้งปีขยายตัวได้ 2% หนุนเศรษฐกิจไทยปี 2558 โตได้ 3.5-4.5% ชงทั้งส่งเสริมการลงทุนไทยและต่างประเทศ ภาคอุตสาหกกรรม การท่องเที่ยว ระบบลอจิสติกส์ และแก้ไขอุปสรรคธุรกิจ
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานสมาคมธนาคารไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่ประกอบด้วยสมาคมธนาคารไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า กกร.และอีก 2 องค์กรภาคเอกชน ได้แก่ สภาธุรกิจท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และสภาธุรกิจตลาดทุนไทย จะเสนอแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 5 เรื่อง 14 ประเด็นเพื่อเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่จะประชุมครั้งแรกวันที่ 16 ก.ค.นี้ เพื่อให้เศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังจะขยายตัวได้ 4.2% และทั้งปีจะโตได้ 2%
“เราได้ประเมินภาวะเศรษฐกิจเชื่อว่าไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและแนวโน้มจะดีขึ้นหลังการเมืองมีความชัดเจนและภาวะการส่งออกที่คาดว่าทั้งปีจะโตได้ 3-5% ก็มองว่าเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังมีแนวโน้มจะขยายตัวได้ 4.2% ทั้งปีจะโตได้ 2% ในปีนี้ และจะกลับไปขยายตัวได้ในปี 2558 ระหว่าง 3.5-4.5% ซึ่งมาตรการที่เสนอให้เร่งขับเคลื่อนจะมีส่วนสำคัญในการผลักดัน แต่ปีนี้คงจะไม่ได้มากไปกว่านี้เพราะครึ่งปีแรกเศรษฐกิจเราติดลบ 1%” นายบุญทักษ์กล่าว
สำหรับ 5 เรื่อง 14 ประเด็น ได้แก่ 1. ข้อเสนอด้านการส่งเสริมการค้าและการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ แบ่งเป็น 5 ประเด็น คือ ขอให้ขยายเวลามาตรการสำหรับเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดขายแดนภาคใต้, ขอให้แก้ไขปัญหาการบริหารจัดการแรงงานแห่งชาติ, ส่งเสริมและอำนวยความสะดวกการค้าชายแดน, เร่งรัดเขตเศรษฐกิจพิเศษให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และให้จัดตั้งคณะกรรมการวางโรดแมปสินค้าเกษตร อาหาร และพลังงานทดแทน
2. ข้อเสนอด้านการส่งเสริมอุตสาหกรรม 2 ประเด็น ได้แก่ โครงการคูปองนวัตกรรมเพื่อพัฒนาขีดความสามารถเอสเอ็มอีไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ระยะที่ 2 (2557-2559) และการพัฒนาและปรับปรุงแก้ไขปัญหาจากการวางและจัดทำผังเมือง
3. ข้อเสนอด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยว 2 ประเด็น ได้แก่ ขอให้ฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวระยะเร่งด่วน 1-3 เดือนก่อนเข้าสู่เทศกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซัน และขอให้สนับสนุนบทบาทของคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ
4. ข้อเสนอด้านการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมและระบบลอจิสติกส์ 3 ประเด็น ได้แก่ ขอให้ปรับแนวทางการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานและลอจิสติกส์ของไทย ขอใช้กองทุนระบบสาธารณูปโภคเป็นทางเลือกในการระดมทุน และให้เร่งรัดการแก้ไขปัญหาน้ำภาคตะวันออก
5. ข้อเสนอด้านการแก้ไขกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจ 2 ประเด็น คือ ขอให้ปรับปรุงและแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรค และให้สนับสนุนนงบประมาณในการขยายระดับการค้ำประกันความสูญเสียของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย.)
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาพรวมการส่งออกไทยปีนี้น่าจะเติบโตได้ระดับ 3-5% โดยครึ่งหลังน่าจะขยายตัวได้ในระดับ 3.5-4% เนื่องจากสินค้าเกษตรสำคัญเช่น ข้าว และน้ำตาลที่คาดว่าจะมีการส่งออกเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม หากไทยสามารถรักษาระดับค่าเงินบาทไว้ในช่วงครึ่งปีหลังไม่ให้ผันผวนและอยู่ในระดับไม่เกิน 33 บาทต่อเหรียญสหรัฐก็จะมีผลดีต่อการส่งออกไทยในรูปของเงินบาทอย่างมาก
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ส.อ.ท.กล่าวว่า เรื่องเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการคือการขยายมาตรการสินเชื่อผ่อนปรนหรือ Solf loan สำหรับเขตเศรษฐกิจพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไปอีก 3 ปี คือตั้งแต่มกราคม 2558-ธันวาคม 2560 จากที่จะสิ้นสุดธันวาคม 2557 การปรับปรุงหลักเกณฑ์การออกวีซ่าและใบอนุญาตทำงานโดยแยกระหว่างนักธุรกิจและแรงงานต่าวด้าว ส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียน และจะเสนอขอยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่ากับจีนและไต้หวันเป็นระยะเวลา 1 ปี เป็นต้น
“กรณีที่ คสช.จัดทำร่างธรรมนูญฉบับปกครองชั่วคราวถือเป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นให้นักลงทุนได้ เมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้จะส่งผลดีโดยรวมต่อเศรษฐกิจประเทศ” นายสุพันธ์กล่าว