สมาคมผู้ค้าแอลพีจีเร่งรวบรวมความเห็นประชาชนผ่านร้านค้าจำหน่ายทั่วประเทศเสนอกระทรวงพลังงานเพื่อยื่น คสช.ประกอบการตัดสินใจปรับโครงสร้างราคาแอลพีจี พบชาวบ้านพอใจชะลอขึ้นแอลพีจีครัวเรือนที่ผ่านมา หากจะขึ้นต่อขอให้คงมาตรการดูแลผู้มีรายได้น้อย ร้านค้าหาบเร่ แผงลอย 7.7 ล้านครัวเรือนให้ใช้ราคาเดิม ขณะที่กลุ่มแท็กซี่ย้ำจุดยืนให้รัฐคงมาตรการบัตรเครดิตส่วนลดราคาต่อ หากไม่มีขอให้พิจารณาขึ้นค่าบริการแทน
นายชิษณุพงศ์ รุ่งโรจน์งามเจริญ นายกสมาคมผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) เปิดเผยว่า ขณะนี้สมาคมฯ กำลังรวบรวมความเห็นประชาชนจากร้านค้าจำหน่ายแอลพีจีหรือก๊าซหุงต้มทั่วประเทศเพื่อนำเสนอแนวทางการปรับโครงสร้างราคาแอลพีจีให้แก่สำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เพื่อนำเสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ภายในเร็วๆ นี้ โดยเบื้องต้นข้อมูลจากร้านค้าระบุว่าประชาชนส่วนใหญ่สนับสนุนการชะลอราคาแอลพีจีที่ผ่านมา และหากอนาคตจำเป็นจะต้องปรับขึ้นราคาต้องการให้รัฐคงโครงการบรรเทาผลกระทบการปรับขึ้นราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนที่ให้สิทธิ์กลุ่มครัวเรือนรายได้น้อย ร้านค้าหาบเร่ แผงลอย ลงทะเบียนใช้สิทธิ์ราคาเดิมประมาณ 7.7 ล้านครัวเรือน
“ทาง สนพ.ได้ทำหนังสือมายังสมาคมฯ เพื่อขอความเห็นเราก็จะเร่งรวบรวมส่งไปให้ โดยเบื้องต้นร้านค้าระบุตรงกันว่าประชาชนที่ผ่านมาเริ่มเดือดร้อนจากค่าครองชีพที่สูงเมื่อ คสช.มาชะลอการขึ้นแอลพีจีครัวเรือนก็ลดภาระเขาไปได้เยอะ แต่ถ้าอนาคตจำเป็นต้องขึ้นก็อยากให้คงมาตรเดิมที่ดูแลผู้มีรายไดน้อย” นายชิษณุพงศ์
สำหรับความเห็นเบื้องต้นหากปรับขึ้นแอลพีจีควรจะขึ้นทั้งระบบไม่ควรจะให้ต่างกันเป็นหลายราคาเช่นปัจจุบันโดยเฉพาะภาคครัวเรือนและขนส่ง ซึ่งล่าสุดแอลพีจีภาคครัวเรือน อยู่ที่ 22.63 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) ขณะที่แอลพีจี ภาคขนส่งอยู่ที่ 21.38 บาทต่อ กก. แต่การปรับจะไปสู่เป้าหมายเดิมที่กำหนดไว้ 24.82 บาทต่อ กก.หรือไม่นั้นคงอยู่ที่ คสช.จะพิจารณาตัวเลขที่เหมาะสมที่แท้จริง อย่างไรก็ตาม กรณีแอลพีจีขนส่งนั้นเห็นว่าควรจะขึ้นให้ใกล้เคียงกับดีเซล แต่หากราคาจะห่างกับแอลพีจีครัวเรือนเกินไปก็ให้พิจารณาการขึ้นป้ายภาษีวงกลมรถที่ใช้แอลพีจีเพื่อความเป็นธรรมแก่ผู้ใช้น้ำมันที่ต้องส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อนำเงินมาอุดหนุนราคาส่วนนี้
นายวิฑูรย์ แนวพานิช ประธานเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่สยาม กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ขับขี่แท็กซี่กำลังรอนโยบายการปรับโครงสร้างราคาพลังงานอยู่ว่าจะเดินไปในแนวทางใด ซึ่งที่ผ่านมาทางกลุ่มแท็กซี่ได้เคยให้ข้อมูลผ่านไปยังกระทรวงพลังงานและ บมจ.ปตท.แล้วถึงกรณีหากต้องปรับราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์หรือเอ็นจีวี และแอลพีจีขนส่งควรหามาตรการช่วยเหลือรองรับ หรือหากไม่มีก็ควรพิจารณาแนวทางการปรับค่าบริการแท็กซี่เพิ่มขึ้นตามอัตราที่เหมาะสมและสอดคล้องกับราคาพลังงานที่ปรับขึ้น
“กลุ่มแท็กซี่ก็ให้ข้อมูลไปแล้วแต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะอย่างไร ซึ่งกรณีเอ็นจีวีนั้นปัจจุบันกลุ่มแท็กซี่ใช้ 6 หมื่นคันได้รับการช่วยเหลือให้มีบัตรเครดิตพลังงานที่ใช้เป็นส่วนลดราคาเอ็นจีวี 2 บาทต่อ กก. หรือให้ใช้ราคาคงเดิม 8.50 บาทต่อ กก. ขณะที่ราคาจริงอยู่ที่ 10.50 บาทต่อ กก. ซึ่งหากจะขึ้นราคาเอ็นจีวีมากกว่า 10.50 บาทต่อ กก. เราก็เห็นว่าควรจะดูแลแท็กซี่ไม่ให้เดือดร้อนเพิ่มไปอีกแต่ถ้าไม่มีก็ควรให้ขึ้นค่าบริการ ส่วนกรณีแท็กซี่แอลพีจีขณะนี้มีประมาณ 1 หมื่นคัน ต้องยอมรับว่าส่วนใหญ่ที่ไม่ได้เปลี่ยนเป็นเอ็นจีวีเพราะเป็นรถที่วิ่งรอบในเขต กทม.ซึ่งมีปั๊มเอ็นจีวีไม่เพียงพอ หากจะขึ้นแอลพีจีแล้วให้เปลี่ยนเป็นเอ็นจีวีก็ขอให้พิจารณาจุดนี้ด้วย” นายวิฑูรย์กล่าว