เปิดแนวรุกธุรกิจเพลงครึ่งปีหลัง พัฒนารูปแบบริการขยายช่องทางสร้างรายได้ใหม่ ทั้งสื่อดิจิตอลออนไลน์ ผ่าน KKBOX และยูทูป หลังพบยอดโฆษณาในยูทูปพุ่งพรวด 200% รวมถึงการปลุกชีพแผ่นเสียงไวนิลและจัดคอนเสิร์ต ทำตลาดรองรับกลุ่มนักสะสมและคนรุ่นใหม่ คาดยังคงรักษาการเติบโตของกลุ่มธุรกิจเพลงได้อย่างต่อเนื่อง
นาย “กริช ทอมมัส” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ธุรกิจเพลง) บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมของธุรกิจเพลงในปี 2557 น่าจะมีอัตราการเติบโตลดลง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงครึ่งปีแรกและจากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้ยอดขายเพลงผ่านแผ่นซีดีและดีวีดีลดลง จึงทำให้ต้องหาช่องทางในการสร้างรายได้ใหม่เข้ามาเสริม ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนธุรกิจเพลงในรูปแบบใหม่ๆ รวมถึงการทำตลาดเพลงผ่านช่องทางมีเดียใหม่ๆ ด้วย
จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ มีแผนที่จะพัฒนาบริการรูปแบบใหม่ๆ สำหรับธุรกิจเพลงและดิจิตอลคอนเทนท์ โดยร่วมกับ บริษัท เคเคบ๊อกซ์ ไต้หวัน ผู้พัฒนาแอปพลิเคชั่น “เคเคบ๊อกซ์” (KKBOX) และเป็นผู้ให้บริการการฟังเพลงแบบสตรีมมิ่งรายใหญ่ของเอเชีย ด้วยการมอบลิขสิทธิ์เพลงที่มีอยู่ในคลังเพลงกว่า 5 หมื่นเพลง ให้บริการผ่านแอปพลิเคชั่น KKBOX ซึ่งเป็นช่องทางใหม่ที่กำลังเป็นที่นิยมของค่ายเพลงและนักฟังเพลงทั่วโลก โดย KKBOX ได้จับมือกับ AIS ผู้ให้บริการมือถือรายใหญ่ที่สุดของเมืองไทยในการเปิดให้บริการฟังเพลงแบบสตรีมมิ่ง เนื่องจากการฟังเพลงแบบสตรีมมิ่งนี้ผู้ใช้บริการเพียงเสียค่าบริการรายเดือน แต่สามารถเลือกฟังเพลงได้มากมายหลายล้านเพลงตามความชอบ โดยผู้ใช้จะเลือกฟังเพลงแบบออนไลน์ หรือโหลดเพลงมาเก็บไว้ในเครื่องก็ได้ ที่สำคัญการให้บริการเพลงแบบสตรีมมิ่งยังสามารถป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ได้อีกด้วย
“ความร่วมมือในครั้งนี้ส่งผลให้ KKBOX กลายเป็นแอปพลิเคชั่นที่มีเพลงไทยมากที่สุด นอกเหนือจากเพลงไทยและเพลงสากลจากค่ายเพลงต่างๆ ทั่วโลกกว่า 10 ล้านเพลงแล้ว ยังทำให้เพลงของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่เข้าถึงกลุ่มผู้ฟังทั่วโลกที่ชื่นชอบเพลงในแนวเอเชี่ยนซึ่งจะเป็นการต่อยอดให้เพลงและศิลปินแกรมมี่เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกมากยิ่งขึ้นด้วย”
นายกริช กล่าวอีกว่า สำหรับช่องทาง YouTube นับเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ทรงพลังและสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง โดยปัจจุบัน จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ และกลุ่มธุรกิจในเครือมีช่องอยู่ในยูทูปไทยแลนด์ถึง 34 ช่อง มีวิดีโอทั้งหมดประมาณ 1.4 หมื่นวิดีโอ จำนวนสมาชิกทั้งหมด 10 ล้านรายชื่อ และมียอดวิวรวมกว่า 5.2 พันล้านวิว โดยในช่วงเดือนม.ค.-พ.ค.57 มีผู้เข้าชมยูทูปในส่วนของเพลงมากกว่า 100 ล้านวิวต่อเดือน โดยหลังจากที่ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับยูทูปไทยแลนด์เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา พบว่ามีจำนวนสินค้าที่เข้ามาลงโฆษณาผ่านช่อง จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ในยูทูป ในอัตราการเติบโตเฉลี่ย 200% ต่อเดือนและยังมีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับตลาดเพลงในรูปแบบดั้งเดิมพบว่ากระแสของผู้บริโภคเริ่มกลับมาให้ความสนใจการฟังเพลงผ่านแผ่นเสียงไวนิลมากขึ้นซึ่งเป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นทั้งในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษซึ่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมายอดขายแผ่นเสียงไวนิลมีอัตราการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่ประเทศไทยนอกจากความนิยมในกลุ่มนักสะสมแผ่นเสียงแล้ว พบว่ากลุ่มคนรุ่นใหม่ก็ให้ความสนใจเช่นเดียวกัน จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จึงได้เริ่มผลิตแผ่นเสียงไวนิลออกมารองรับตลาดทั้ง 2 กลุ่มนี้ ประเดิมด้วย อัลบั้ม “ร็อค เล็ก เล็ก” ของไมโคร ที่วางตลาดไปเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาซึ่งได้รับกระแสตอบรับดีมาก และยังจะมีอัลบั้ม “หาดทราย สายลม สองเรา” และอัลบั้ม “ส.ค.ส” ของ “เบิร์ด – ธงไชย แมคอินไตย์” ตามออกมา ส่วนชุดที่ถือเป็นไฮไลท์ของปีนี้คือ การรวมผลงานทั้งหมดของ “พี่เต๋อ เรวัต พุทธินันทน์” มาจัดทำเป็นบ็อกเซ็ท แผ่นเสียง วางจำหน่ายแบบลิมิเต็ดเอ็ดดิชั่นด้วย ส่วนในปีหน้าก็จะนำผลงานเพลงของศิลปินรุ่นใหม่ๆ มานำเสนอในรูปแบบของแผ่นเสียงไวนิล เพื่อรองรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการฟังเพลงจากแผ่นเสียงด้วย
ในขณะที่กลุ่มธุรกิจโชว์บิซนั้น ช่วงครึ่งปีหลังจะมีคอนเสิร์ตทั้งขนาดใหญ่และขนาดกลางมาสร้างความคึกคักให้กับบรรยากาศโดยรวมอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น “คอนเสิร์ตแทนความผูกพัน 20 ปี หัวแก้วหัวแหวน ก๊อท จักรพันธ์”, “เซ็กซี่ ออน เดอะ บีช คอนเสิร์ต” ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตกลางแจ้งริมหาดพัทยา คอนเสิร์ตของนักร้องดูโอที่กำลังมาแรงอย่าง “นิว-จิ๋ว” รวมถึงคอนเสิร์ตของขวัญใจขาร็อคของวง “บอดี้สแลม” และปิดท้ายปลายปีด้วยงานเทศกาลดนตรี “บิ๊กเมาน์เท่น มิวสิค เฟสติวัล 6” ภายใต้ธีม “งานเดียวรักษาได้ทุกโรค” ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 6-7 ธ.ค.57 โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าชมเทศกาลดนตรีในปีนี้ไม่น้อยกว่า 5 หมื่นคน