“พาณิชย์” วาง 5 ยุทธศาสตร์ดันไทยศูนย์การผลิตและการค้าสินค้าเกษตรอินทรีย์ในอาเซียนภายในปี 2563 ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าปีละ 10% พร้อมพัฒนาสินค้ารายการใหม่ป้อนตลาด
นางมาลี โชคล้ำเลิศ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาตลาดสินค้าอินทรีย์ โดยตั้งเป้าผลักดันให้ไทยเป็นผู้นำการค้าและการบริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์ในภูมิภาคอาเซียนภายในปี 2563 โดยจะผลักดันมูลค่าสินค้าอินทรีย์ให้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าปีละ 10% ต่อปี จากมูลค่าในปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ 3,100 ล้านบาท และจะพัฒนาสินค้าเกษตรอินทรีย์รายการใหม่ๆ ให้เพิ่มขึ้น นอกจากข้าว ผัก ผลไม้ ชา ที่ได้รับการส่งเสริมในปัจจุบัน รวมทั้งจะผลักดันให้มีการบริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์ทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น
“กระทรวงฯ ตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางการผลิต การค้า และการส่งออกสินค้าเกษตรอินทรีย์ของอาเซียน ต่อไปใครที่นึกถึงสินค้าเกษตรอินทรีย์จะต้องนึกถึงไทย โดยจะมีแผนพัฒนาตั้งแต่การผลิต การตลาดทั้งในและต่างประเทศ รวมไปถึงการเสนอให้มีมาตรการส่งเสริมจากรัฐบาล”
ยุทธศาสตร์สำหรับการไปสู่เป้าหมาย ได้วางไว้ 5 ยุทธศาสตร์ คือ 1. การสร้างความรู้ ความเข้าใจด้านการตลาดสินค้าอินทรีย์ โดยจะพัฒนาผู้ประกอบการด้านสินค้าอินทรีย์ให้เพิ่มมากขึ้น 2. การพัฒนาฐานข้อมูลให้ทันสมัยเพื่อใช้ในการวางแผนการตลาดเชิงรุก เพราะปัจจุบันไทยยังมีฐานข้อมูลด้านนี้น้อยมาก 3. การขยายตลาดสินค้าอินทรีย์ทั้งในและต่างประเทศ 4. การสร้างความหลากหลายของสินค้าอินทรีย์ให้ตรงต่อความต้องการของตลาด โดยเฉพาะการพัฒนาสินค้าอินทรีย์รายการ และ 5. การสนับสนุนเชิงนโยบาย เพื่อให้มีผู้ผลิตและหันมาทำสินค้าอินทรีย์เพิ่มมากขึ้น โดยจะเสนอให้รัฐบาลช่วยสนับสนุนด้านภาษีและด้านการเงิน
นางมาลีกล่าวว่า สินค้าออร์แกนิกเป็นแนวโน้มใหม่ของโลก โดยมีราคาแพงกว่าสินค้าปกติ 20-50% และตลาดต่างประเทศมีความต้องการสูง โดยเฉพาะสหรัฐฯ ยุโรป แคนาดา ญี่ปุ่น และสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งประเทศเหล่านี้ใส่ใจปัญหาในเรื่องสุขภาพมาก แต่ในการส่งออกก็ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานด้านออร์แกนิกที่แต่ละประเทศกำหนดให้ได้ ซึ่งในการผลิตของไทยไม่มีปัญหา สามารถผ่านมาตรฐานที่แต่ละประเทศกำหนดได้ และปัจจุบันก็มีการส่งออกไปได้อยู่แล้ว
ส่วนตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดีอีกตลาดหนึ่ง ก็คือ จีน เพราะปัจจุบันผู้บริโภคชาวจีน เริ่มให้ความสำคัญต่อสินค้าที่มีคุณภาพและปลอดภัยในการบริโภค ซึ่งกระทรวงฯ มีแผนที่จะผลักดันสินค้าออร์แกนิกเข้าสู่ตลาดจีนให้ได้มากขึ้น โดยจะเน้นการโปรโมตว่าเป็นสินค้าคุณภาพสูงที่ปลอดภัยต่อการบริโภค
อย่างไรก็ตาม การผลิตสินค้าออร์แกนิก หากสามารถผลักดันให้มีการขยายตัวได้เพิ่มมากขึ้น ไม่เพียงแต่เป็นสินค้าที่มีโอกาสตัวใหม่ของไทย แต่ยังจะช่วยลดการนำเข้ายาปราบศัตรูพืชและปุ๋ยเคมีด้วย โดยปัจจุบันไทยมีการนำเข้ายาปราบศัตรูพืชประมาณปีละ 1.9 หมื่นล้านบาท และปุ๋ยเคมี 8 หมื่นล้านบาท หรือจะช่วยประหยัดเงินนำเข้าได้ประมาณปีละเกือบ 1 แสนล้านบาท