เอเจนซีส์ - รัฐบาลจีนได้ออกมาตรการใหม่ควบคุมการนำเข้าสินค้านมผงสำหรับทารกจากต่างประเทศ เพื่อต้องการลดปริมาณความต้องการเป็นจำนวนมากจากผู้บริโภคชาวจีนภายในประเทศที่อุดหนุนนมผงแบรนด์นอก และยังเป็นการส่งเสริมกระตุ้นยอดขายนมผงสำหรับทารกที่ผลิตในจีน สำนักข่าวจีนรายงานเมื่อวานนี้(5)
สื่อสหรัฐฯ เช่น นิวยอร์กไทม์ส รายงานว่า มาตรการใหม่นี้บังคับให้บริษัทต่างชาติผู้ผลิตนมผงแบรนด์นอกต้องลงทะเบียนผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงการผลิต และคลังกระจายสินค้ากับทางรัฐบาลปักกิ่งก่อนที่สินค้าจะสามารถออกจำหน่ายในจีนได้ ในวันจันทร์(5)สื่อปักกิ่งได้เปิดเผยรายชื่อบริษัทต่างชาติ รวมไปถึงสถานที่ตั้งโรงงานที่ได้ลงทะเบียนกับทางการจีนจำนวน 41 แห่ง โดยรายชื่อนี้รวมไปถึงบริษัทลูกของเนสท์เล่ (Nestle) บริษัทสัญชาติสวิสตั้งในในเยอรมัน และเนเธอร์แลนด์ และไวเอธ นิวทริชัน (Wyeth Nutrition) ซึ่งเป็นบริษัทที่เนสท์เล่ได้ซื้อต่อมาจากบริษัทยาไฟเซอร์(Pfizer)ของสหรัฐฯ ตั้งในไอร์แลนด์ และแอบบ็อตต์ ลาบอราทอรีส์ (Abbott Laboratories) บริษัทสัญชาติอเมริกัน ตั้งในเนเธอร์แลนด์ นูทริเชีย(Nutricia) ที่มีบริษัทดานอน (Danone)จากฝรั่งเศสเป็นเจ้าของตั้งในนิวซีแลนด์ เยอรมัน และเนเธอร์แลนด์
ทั้งนี้รายชื่อยังสามารถถูกเพิ่มเติมได้อีกในภายหลังหากมีบริษัทต่างชาติรายอื่นยื่นขอจดทะเบียนกับหน่วยงานบริหารการควบคุมคุณภาพของจีน ซึ่งมาตรการใหม่นี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันพฤหัสบดี(1)ล่าสุด ในเดือนเมษายน 2014 จีนเริ่มบังคับให้บริษัทผู้ผลิตนมผงทารกต่างชาติปิดฉลากภาษาจีนบนตัวสินค้าที่ต้นทางก่อนส่งเข้ามาขายในตลาดจีน สื่อปักกิ่งได้อ้างคำพูดผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์นมกล่าวว่า รัฐบาลจีนพยายามจะกวาดล้างนมผงแบรนด์นอกผิดกฏหมายออกจากตลาดในประเทศ และต้องการให้ผลิตภัณฑ์นมผงจากบริษัทต่างชาติยักษ์ใหญ่ที่น่าเชื่อถือเท่านั้นสามารถจัดจำหน่ายได้
ความต้องการนมผงสำหรับทารกและนมผงทั่วไปเพิ่มขึ้นสูงในปี 2008 เป็นช่วงที่มีทารกอย่างน้อย 6 คนได้เสียชีวิต และมีเด็กชาวจีนจำนวนมากกว่า 300,000 คนล้มป่วยหลังจากดื่มผลิตภัณฑ์นมปนเปื้อนเมลามีนเข้าไป ซึ่งเมลามีนเป็นสารทางเคมีใช้ในอุตสาหกรรม และพบว่าเจ้าหน้าที่จีนได้สั่งปิดข่าวไม่ให้สื่อรายงานวิกฤตนมปนเปื้อนที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตและล้มป่วยนี้จนกระทั่งงานโอลิมปิกส์ฤดูร้อนที่ปักกิ่งได้สิ้นสุดลง ทำให้มีการกล่าวหาว่ารัฐบาลจีนปกปิดข่าว และภายหลังทางการจีนได้ทำการปิดปากเสียงเรียกร้องจากผู้ปกครองชาวจีนที่ต้องการให้มีการสอบสวนคดีนี้อย่างโปร่งใส
ในปี 2013 มีการสำรวจความเห็นเกี่ยวกับการใช้นมผงในจีน พบว่า 2 ใน3ของผู้ปกครองชาวจีนใช้นมผงสูตรสำหรับทารก และพบว่านมผงแบรนด์นอกมีส่วนแบ่งทางการตลาดถึง 60% ทั้งนี้ผู้ปกครองชาวจีนจำนวนมากนิยมใช้นมผงมากกว่านมมารดา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการแข่งขันที่ดุเดือดทางการตลาดของบริษัทผู้ผลิต
และการที่ความต้องการนมผงแบรนด์นอกมีสูงขึ้นเป็นผลทำให้ราคาถูกปรับเพิ่มมากขึ้น และพบว่า ราคาได้ปรับเพิ่มสูงถึง 30% นับตั้แต่ปี 2008 -2013 นอกจากนี้ยังพบว่าผู้บริโภคจีนจำนวนมากไม่เชื่อมั่นในนมผงแบรนด์นอกที่ออกจำหน่ายภายในจีน เนื่องจากเกรงว่าอาจจะเป็นผลิตภัณฑ์ปลอม หรือมีการปนเปื้อนจากผู้จัดจำหน่ายจีน หรือการขนส่ง ดังนั้นส่วนใหญ่ผู้บริโภคชาวจีนจะซื้อผลิตภัณฑ์นมผงแบรนด์นอกในปริมาณมากเมื่อพวกเขาเดินทางท่องเที่ยวนอกประเทศ หรือข้ามไปซื้อที่ฮ่องกงที่ในปีล่าสุดจำกัดปริมาณให้สามารถซื้อได้ไม่เกินคนละ 2 กระป๋องเท่านั้น แต่ยังมีผู้บริโภคชาวจีนอีกจำนวนหนึ่งที่สั่งซื้อทางอนไลน์จากบริษัทนำเข้าที่รับประกันว่าจำหน่ายสินค้าที่นำเข้ามาจากต่างประเทศอย่างแท้จริง
ในเดือนสิหาคม 2013 รัฐบาลจีนได้ประกาศสั่งปรับบริษัทผู้ผลิตนมผงสำหรับทารก 6 แห่งร่วม 667.8 ล้านหยวน(107 ล้านดอลลาร์) กระทำผิดฐานไม่ทำให้เกิดพฤติกรรมการแข่งขัน และมีราคาที่ตายตัว โดยจากทั้งหมด มี 5 บริษัทนั้นเป็นของต่างชาติ นอกจากนี้รัฐบาลจีนยังเปิดเผยว่า และอีก 3 บริษัท มี 2 บริษัทที่เป็นของต่างชาติไม่อยู่ในข่ายที่ต้องถูกปรับเพราะบริษัททั้ง 2 แห่งนี้ให้ความร่วมมือในการสอบสวน และทางบริษัทเองได้ออกมาตรการควบคุมของตนเอง
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จากรัฐบาลต่างชาติได้ให้ความเห็นถึงการสอบสวนและสั่งปรับของรัฐบาลจีนว่า เป็นความพยายามที่จะปกป้องอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์นมผงในประเทศไว้ เมื่อทางการจีนประกาศการสอบสวน และกล่าวว่าจะทำให้มีความมั่นใจว่ามีมาตรฐานที่รัดกุมเพิ่มมากขึ้น บรรณาธิการสื่อรัฐบาลจีนให้ความเห็นว่า หวังว่ามาตรฐานใหม่จะช่วยผลักดันอุตสาหกรรมนมผงในประเทศ