แอร์เอเชีย เอ็กซ์ ปลื้มเปิดบินเกาหลี Cabin Factor เกิน 80% แถมจองตั๋วแน่นยาว 3 เดือนแล้ว คาดเปิดบินไปญี่ปุ่นไม่เกินต้นเดือน ส.ค.นี้ ประเมินการเมืองไทยนิ่ง สัญญาณดี ตลาดท่องเที่ยวฟื้นใน 1 เดือน ผนึกไทยแอร์เอเชียเจาะตลาดพม่า เปิดบริการ Fly Thru จากย่างกุ้ง และมัณฑะเลย์ (ต่อเครื่องที่ดอนเมือง) สู่ 25 ปลายทางจากไทยโดยไม่ต้องผ่าน ตม.หลายครั้ง และไม่ต้องขอวีซ่าเมื่อผ่านสนามบินดอนเมือง
นายนัดดา บุรณศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทย แอร์เอเชีย เอ็กซ์ เปิดเผยว่า จากที่สายการบินไทยแอร์เอเชียได้เปิดทำการบินเข้าสู่ประเทศพม่ามาเกือบ 18 ปี ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยแอร์เอเชียเป็นสายการบินต้นทุนต่ำที่ครองส่วนแบ่งการตลาดพม่าเป็นอันดับหนึ่งมาตลอด ดังนั้นจึงเปิดบริการ “Fly Thru” จากย่างกุ้ง และมัณฑะเลย์ (ต่อเครื่องที่สนามบินดอนเมือง) โดยไทยแอร์เอเชีย สู่ปลายทางหลากหลาย 25 จุดบินจากไทยโดยไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ โดยรับสัมภาระครั้งเดียว ไม่ต้องผ่าน ตม.หลายครั้งและไม่ต้องขอวีซ่า (Transit Visa) เมื่อเดินทางผ่านสนามบินดอนเมือง สำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ ซึ่งจะเป็นการเสริมจุดแข็งของไทย แอร์เอเชีย เอ็กซ์
คาดว่าแอร์เอเชียเอ็กซ์จะมีผู้โดยสารที่ใช้บริการ “Fly Thru” ในแต่ละเที่ยวบินประมาณ 35% ซึ่งในวันที่ 17 มิถุนายนนี้แอร์เอเชียเอ็กซ์จะเปิดเส้นทางกรุงเทพฯ-เกาหลี เป็นเที่ยวบินแรก โดยมีอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เต็ม 100% และมียอดจองเฉลี่ยแล้วกว่า 80% ไปอีก 3 เดือนข้างหน้า ถือเป็นการตอบรับที่ดี ส่วนเส้นทางกรุงเทพฯ-ญี่ปุ่น จะเปิดจองตั๋วประมาณต้นเดือนกรกฎาคม และเปิดบินช่วงปลายเดือนสิงหาคมหรือต้นเดือนกันยายนนี้ โดยจะบินกรุงเทพฯ-โตเกียว ทุกวัน กรุงเทพฯ-โอซากา 5 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งจะเปิดให้บริการ “Fly Thru” จากพม่าได้ในเส้นทางญี่ปุ่น (โอซากา โตเกียว) ได้ก่อน เนื่องจากเวลาของตารางบินไม่มีปัญหา ส่วนกรุงเทพฯ-เกาหลีจะต้องรอปรับตารางบินในช่วงตุลาคม
“ในปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวชาวพม่าเดินทางไปเยือนเกาหลีกว่า 63,470 คน ซึ่งไทย แอร์เอเชียเอ็กซ์จะเข้ามาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้แก่ผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางจากพม่าไปยังเกาหลีผ่านการต่อเครื่องที่ดอนเมืองในราคาที่ประหยัดและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ส่วนเส้นทางญี่ปุ่นคาดว่าหลังเปิดตัวจะมี Cabin Factir สูงกว่า 80% แน่นอน และคนญี่ปุ่นจะมีความสะดวกหากใช้บริการ “Fly Thru” มาดอนเมือง โดยสามารถเชื่อมต่อไปยังเชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ พม่า และเสียมราฐ ฯลฯ ได้สะดวกมาก ส่วนตลาดพม่าในอนาคตมีศักยภาพสูง แต่จะต้องปรับปรุงในเรื่องที่คนพม่ายังขอวีซ่าไปญี่ปุ่นที่ยังค่อนข้างยาก” นายนัดดากล่าว
นายนัดดากล่าวว่า ปัญหาการเมืองภายในประเทศของไทยส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในช่วง 2 เดือนก่อนหน้านี้ แต่หลัง คสช.เข้าบริหารประเทศ ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา สถานการณ์เริ่มนิ่ง เกิดความแน่นอนในเรื่องความปลอดภัย ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญที่เรียกความเชื่อมั่นของทุกภาคส่วนรวมถึงภาคการท่องเที่ยวด้วย โดยประเมินว่าตลาดการท่องเที่ยวสามารถฟื้นตัวได้ภายใน 1 เดือน หากมีความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัย
นายสันติสุข คล่องใช้ยา ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า ตลาดพม่าและอินโดจีนเป็นตลาดหลักที่แอร์เอเชีย โดยปัจจุบันแอร์เอเชียบินตรง ย่างกุ้ง-กรุงเทพฯ (FD) 2 เที่ยวบินต่อวัน ย่างกุ้ง-กัวลาลัมเปอร์ (AK) 1 เที่ยวบินต่อวัน และมัณฑะเลย์-กรุงเทพฯ (FD) 1 เที่ยวบินต่อวัน โดยหลังเปิดตัวบริการต่อเที่ยวบิน “Fly Thru” เมื่อธันวาคม 2556 ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยปัจจุบันไทยแอร์เอเชียได้เพิ่มบริการ “Fly Thru” จากย่างกุ้ง ต่อเครื่องที่ดอนเมืองสู่ 8 ปลายทางระหว่างประเทศ คือ เสียมราฐ ฉงชิ่ง จาการ์ตา อู่ฮั่น มาเก๊า สิงคโปร์ ฮ่องกง และโฮจิมินห์ และสู่ 5 ปลายทางภายในประเทศไทย คือ เชียงใหม่ เชียงราย หาดใหญ่ กระบี่ ภูเก็ต และบริการ “Fly Thru” จากมัณฑะเลย์ ต่อเครื่องที่ดอนเมือง สู่ภูเก็ต และกัวลาลัมเปอร์
ด้านนายชัยณรงค์ กีรติยุตวงศ์ อัครราชทูตไทยประจำกรุงย่างกุ้ง กล่าวว่า ภายหลังพม่าเปิดประเทศและรัฐบาลพม่ามีความชัดเจนในการพัฒนาส่งเสริมนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนโดยตั้งหน่วยงานส่งเสริมการลงทุน (MIC) มีการลงทุนด้านสินค้าอุปโภค บริโภค บริการ และอสังหาริมทรัพย์สูง โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงมากประเมินว่าเศรษฐกิจมีการเติบโตเฉลี่ยประมาณ 7% ต่อปี การใช้จ่ายภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น คนพม่าถือว่าค่อนข้างมีกำลังซื้ออีกมาก โดยสถิติมีการขอทำวีซ่าที่สถานทูตไทยประจำพม่าเพื่อไปประเทศไทยเฉลี่ย 600 คนต่อวัน โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างเจรจาเพื่อยกเว้นวีซ่าท่องเที่ยวระหว่างกันในการเดินทางเข้าออกผ่านทางเครื่องบิน ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อปี 2556 ส่วนการเดินทางผ่านทางด่านอื่นๆ ยังต้องพิจารณาในลำดับต่อไป เนื่องจากต้องควบคุมในเรื่องการลักลอบเข้ามาทำงาน
ทั้งนี้ คนพม่ามีเงินแต่ที่ผ่านมาอาจจะไม่สามารถนำออกมาใช้จ่ายได้สะดวก และประเทศไทยถือเป็นประเทศที่คนพม่านิยมเดินทางไปท่องเที่ยวเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันมีสายการบินนกแอร์ ไทยแอร์เอเชีย และโกลเด้นเมียนมาร์ แอร์ไลน์ เปิดบินไป-กลับ ในราคาต่ำ 100-120 เหรียญสหรัฐ ทำให้ช่วยส่งเสริมให้คนพม่าเที่ยวไทยเพิ่มมากขึ้น โดยในรอบ 13 ปีที่ผ่านมา (2001-2013) มูลค่าทางการท่องเที่ยวของพม่าเพิ่มจาก 100 ล้านเหรียญสหรัฐเป็น 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี โดยเติบโตแบบก้าวกระโดดในช่วงปี 2010-2013 โดยปัจจุบันพม่ามีปัญหาเรื่องโครงสร้างพื้นฐานมาก เพราะปริมาณรถเพิ่มมากขึ้น รัฐบาลได้มีการวางแผนระยะ 5 ปี, 10 ปี และ 15 ปี ในการปรับปรุงถนนต่างๆ รวมไปถึงการมีระบบรถไฟฟ้าด้วย