“สารัชถ์” บิ๊กกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี้ฯ รุกคืบโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ดอดถือหุ้นใน SPCG 10% นำจุดแข็งด้านการเงินและพาร์ตเนอร์ญี่ปุ่นช่วย SPCG ขยายโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ในไทยและญี่ปุ่น ด้านกัลฟ์ฯ จ่อกู้เงิน 7 หมื่นล้านบาทในปลายปีนี้เพื่อรีไฟแนนซ์และชำระค่าก่อสร้างโรงไฟฟ้าเอสพีพี
นางสาววันดี กุญชรยาคง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) (SPCG) เปิดเผยภายหลังการลงนามการร่วมทุนกับบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระรายใหญ่ของไทยว่า คณะกรรมการบริษัทเอสพีซีจีได้พิจารณาอนุมัติจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จีฯ ซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่เกี่ยวโยงกันของบริษัท และไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ กับบริษัท จำนวนหุ้น 83,998,952 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 10 โดยกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในราคาหุ้นละ 21.93 บาท โดยราคาดักล่าวเป็นราคาที่ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ของราคาตลาดซึ่งเท่ากับ 24.36 บาท
การจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PP) ครั้งนี้ เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนและเพื่อการขยายโอกาสทางธุรกิจของบริษัททั้งในไทยและภูมิภาคอาเซียน ซึ่งการร่วมทุนกับกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี้ฯ ในครั้งนี้จะเป็นการร่วมมือกันเพื่อพัฒนาธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งช่วยสร้างความมั่นคงด้านพลังงานแก่ประเทศชาติ และยังส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ลดการนำเข้าเชื้อเพลิงและภาวะโลกร้อนด้วย
นางสาววันดีกล่าวต่อไปว่า การมีพันธมิตรร่วมทุนอย่างกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี้ฯ ทำให้บริษัทมีโอกาสขยายธุรกิจด้านพลังงานแบบก้าวกระโดดทั้งในและต่างประเทศ โดยบริษัทฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาที่จะลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ญี่ปุ่น สำหรับเม็ดเงินลงทุนจากการขายหุ้นเพิ่มทุนนั้นจะบันทึกเข้ามาในไตรมาส 3/2557 รวมทั้งบริษัทฯ ยังให้ความสำคัญในการรุกตลาดโซลาร์ รูฟท็อปที่มีสัญญาณที่ดีในการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น หลังจากมีการปรับเปลี่ยนนโยบาย ยกเว้นการขออนุญาต รง.4 ในโครงการดังกล่าว โดยวางเป้าหมายรายได้จากธุรกิจโซลาร์รูฟท็อปปีนี้อยู่ที่ 300-500 ล้านบาท
นับจากนี้ปัญหาวิกฤตพลังงานทำให้เรามีความจำเป็นต้องบริหารจัดการด้านพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งก๊าซธรรมชาติ น้ำมัน และพลังงานหมุนเวียน ซึ่งแนวโน้มการขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ บริษัทฯ มองทั้งตลาดภูมิภาคอาเซียนและญี่ปุ่น ซึ่งกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี้ฯ มีจุดแข็งที่สำคัญทั้งด้านประสบการณ์ธุรกิจไฟฟ้าไอพีพีและเอสพีพี และมีพาร์ตเนอร์ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบริษัทผลิตไฟฟ้ารายใหญ่อย่างเจ เพาเวอร์ ซึ่งสอดรับกับนโยบายที่บริษัทฯ ต้องการรุกธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น โดยมีแผนจะตัดสินใจเร็วๆ นี้เพื่อเลือกลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 1 ใน 3 โครงการที่มีกำลังผลิต 30 เมกะวัตต์ 50 เมกะวัตต์ และ 100 เมกะวัตต์
นายสารัชถ์ รัตนาวะดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด กล่าวว่า การตัดสินใจเข้าเป็นพันธมิตรร่วมทุนในบริษัท เอสพีซีจี เนื่องจากเชื่อมั่นในตัวผู้บริหารและบริษัทฯ ที่ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ประสบความสำเร็จด้วยดี และมั่นใจในอนาคตจะเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจพลังงานหมุนเวียนชั้นนำของไทย โดยกัลฟ์ฯ นำจุดแข็งของบริษัทฯ มาช่วยเอสพีจีซีในการจัดหาแหล่งเงินทุนต้นทุนต่ำ รวมทั้งมองโอกาสการขยายธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศต่างๆ ในเอเชียที่หลายประเทศให้การส่งเสริมกันมากขึ้น ทำให้บริษัทฯ มีโอกาสขยายการลงทุนได้อย่างรวดเร็วขึ้น
โดยในปลายปีนี้ กัลฟ์ฯ เตรียมกู้เงิน 7 หมื่นล้านบาทกับสถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศ อายุเงินกู้ 22 ปี โดยเม็ดเงินดังกล่าวจะนำไปใช้ในการรีไฟแนนซ์หนี้ และชำระค่าก่อสร้างโรงไฟฟ้าเอสพีพีหลายโครงการในมือ โดยยืนยันว่าการกู้เงินดังกล่าวไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์รัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่อย่างใด เพราะสถาบันการเงินต่างประเทศให้ความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยอยู่
กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี้ ดีเวลลอปเมนท์ เป็นผู้ชนะกินรวบประมูลรับซื้อไฟฟ้าไอพีพีทั้งหมด 5 พันเมกะวัตต์ในรอบที่แล้ว เฉือนชนะบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) และบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือเอ็กโก โดยการเสนอราคาค่าไฟที่ต่ำกว่าคู่แข่ง