เอสพีซีจี เดินหน้าออกหุ้นกู้ “SPCG Green Bond” หุ้นกู้พลังงานสะอาด พลังงานแสงอาทิตย์ครั้งแรกของประเทศไทยเสนอขายไม่เกิน 4,000 ล้านบาท สำหรับหุ้นกู้อายุไม่เกิน 5 ปี 4 เดือน
น.ส.วันดี กุญชรยาคง ประธานกรรมการ และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ เอสพีซีจี (SPCG) เปิดเผยว่า เอสพีซีจี ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2557 เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2557 ที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับแผนการเตรียมออก และเสนอขายหุ้นกู้ ในวงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาท สำหรับหุ้นกู้อายุไม่เกิน 5 ปี 4 เดือน การออกหุ้นกู้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อใช้ชำระคืนเงินกู้เดิมของบริษัท โซล่า เพาเวอร์ จำกัด และใช้ในการดำเนินงานหรือเป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท และบริษัทในเครือ และภายหลังการจัดออกหุ้นกู้ บริษัทคาดว่าจะได้ประโยชน์ในการลดต้นทุนดอกเบี้ยลง รวมถึงบริษัทจะมีความคล่องตัวในการขยายธุรกิจมากขึ้น
สำหรับการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ บริษัทได้แต่งตั้ง ธนาคารกสิกรไทย เป็นที่ปรึกษาทางการเงินขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างขั้นตอนการขออนุญาตสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงานก.ล.ต.) เพื่อขอเสนอขาย“หุ้นกู้มีผู้ค้ำประกัน ชนิดทยอยชำระคืนเงินต้นของบริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2557 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2562” โดยเป็นหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ชนิดทยอยชำระคืนเงินต้น มีผู้ค้ำประกัน ได้แก่ บริษัท โซล่า เพาเวอร์ จำกัด(“SPC”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุหุ้นกู้คาดว่าอายุไม่เกิน 5 ปี 1 เดือน โดยจะชำระดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน และจะเริ่มทยอยชำระคืนเงินต้นประมาณกลางปี 2558 ซึ่งทางบริษัทได้ดำเนินการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหุ้นกู้ดังกล่าวต่อสำนักงานก.ล.ต.แล้วเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2557 ที่ผ่านมาและบริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการจัดอันดับความน่าเชื่อถือขององค์กร และอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้กับบริษัท ทริสเรทติ้ง โดยคาดว่ากระบวนการจัดอันดับความน่าเชื่อถือดังกล่าวจะแล้วเสร็จเร็วๆนี้
ภายหลังจากการออกหุ้นกู้ บริษัทมีเป้าหมายเดินหน้าพัฒนาธุรกิจการพัฒนาโซลาร์ฟาร์มเชิงพาณิชย์และการให้บริการออกแบบทางวิศวกรรมและก่อสร้างโซลาร์ฟาร์มแบบครบวงจร รวมทั้งธุรกิจการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในการพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีประสิทธิภาพ ของประเทศไทยและภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ณ วันที่ 25 เมษายน 2557 บริษัทได้ทำการพัฒนาโซลาร์ฟาร์มของบริษัทในเครือแล้วเสร็จและสามารถจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) รวมทั้งสิ้น 30 โครงการ โดยมีกำลังการผลิตรวมประมาณ 205 เมกะวัตต์ และโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จโดยอยู่ระหว่างการเชื่อมโยงระบบกับ กฟภ. เพื่อเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์อีก 6 โครงการ ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ภายในไตรมาสที่ 2 ของปี2557 จะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้นมากกว่า 260 เมกะวัตต์
สำหรับปี 2556 ที่ผ่านมา บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 2,505 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงานจำนวน 1,295 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 644 ล้านบาทหรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.763 บาท และ ณ วันที่ 31 ธันวาคม2556 บริษัทและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวม 22,501 ล้านบาท หนี้สินรวม18,988 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 3,513 ล้านบาท