จับตา กรีนเมกะเทรนด์ เอเชีย

หลายประเทศในเอเชีย อยู่ระหว่างทางแยกที่จะต้องตัดสินใจให้ชัดเจนว่าจะไปในทิศทางที่ท้าทายของ Green Mega หรือไม่ และถ้ายอมรับกระแสของกรีนเมกะ ก็ต้องมีนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับโครงการกรีนเมกะ เทรนด์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทรัพยากรด้านพลังงาน ที่ตอบสนองความต้องการพลังงานสะอาดจากครัวเรือน และการบริหารที่ยั่งยืน ซึ่งมีแนวโน้มในการพัฒนาด้านต่างๆ จนน่าจับตา

แนวโน้มการพัฒนาด้านอาคาร
ในเอเชียแปซิฟิกมีในหลายพื้นที่ ที่จะเกิดโครงการโกลบอล เมกะด้าน Green sustainable buildings คือ การพัฒนาตัวเมืองที่จะขยายออกไปในพื้นที่รอบนอก รองรับความต้องการของตลาดที่อยู่อาศัย และอาคารสำนักงาน ควบคู่กับการพัฒนาทางเทคโนโลยีและทางเศรษฐศาสตร์ ที่จะทำให้การดำรงชีวิตของประชากรเปลี่ยนแปลงไป โดยประมาณว่าจนถึงปี 2025 มูลค่าโกลบอล เมกะ ด้านอาคารจะไม่น้อยกว่า 2,730 ล้านดอลลาร์ หรืออัตราการเติบโตประมาณ 7% จากปี 2012
ขณะเดียวกัน ตลาดการก่อสร้างที่เติบโตก็ทำให้อาชีพที่เน้นไปในสายงานกรีนขยายมากขึ้น มีความสนใจในการเรียนรู้ เพื่อจะรับงานในด้าน Green sustainable buildings มากขึ้น ในลักษณะของ one-stop service เหมือนแบบการ์ดงานแต่งงานที่จัดทำเบ็ดเสร็จโดยผู้รับงานรายเดียว ซึ่งมาแทนที่การแยกการดำเนินงานออกไปในแต่ละส่วนเหมือนที่ผ่านมา
ตัวอย่างของกิจการที่รับงานในลักษณะดังกล่าวนี้คือ Build4Asia2014 (www.build4asia.com) ที่เป็นที่รู้จักกันดีมากในวงการว่าสามารถจัดหาวัสดุ ทำการก่อสร้างได้ครบวงจร และในระหว่าง 7-9 พฤษภาคมปีหน้า จะมีการจัดงานแสดงความสามารถและศักยภาพของผู้ประกอบการในลักษณะนี้ราว 500 ราย ที่ The Hong Kong Convention and Exhibition Centre

แนวโน้มการใช้บริการรถเช่าแทนรถส่วนตัว
แนวทางการประหยัดพลังงานที่จะเกิดขึ้นชัดเจน ต้องมาจากการลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัว ซึ่งมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงอีกอย่างหนึ่งที่เป็นเมกะโปรเจกต์ คือ การบริหารธุรกิจ Carshare ซึ่งเป็นการให้บริการรถแบ่งปันกันใช้ โดยนำรถเช่ามาให้บริการแทนการใช้รถยนต์แบบรายบริษัท เป็นการให้บริการพูลของรถยนต์เช่ารายใหญ่ที่ให้บริการกับกิจการต่างๆ ในการดำเนินงานโลจิสติกส์ทางธุรกิจมากขึ้น ด้วยการเสนอต้นทุนที่ต่ำกว่า ประหยัดกว่าการใช้บริการแบบตัวใครตัวมันเช่นที่ผ่านมา เพราะรถยนต์ทุกคันจะมีรายได้กลับคืนมาระหว่างที่ไม่ได้ใช้เอง

แนวโน้มการขยายธุรกิจโซลาร์ฟาร์ม
แนวคิดนี้เช่นเดียวกับการใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ที่ไม่ได้เน้นการใช้เองภายในอาคารที่ติดหลังคา
โซลาร์เท่านั้น หากเน้นการเก็บสะสมพลังงานและจำหน่ายเพื่อให้เกิดรายได้ จนทำให้โครงการโซลาร์ฟาร์ม และหลังคาโซลาร์คุ้มทุนเร็วขึ้น
แนวคิดของโซลาร์จะขยายออกไปสู่การเป็น Solar City หรือ Solar Province ที่ชักชวนกิจการในพื้นที่เดียวกันและติดต่อกัน ให้ร่วมมือกันในการพัฒนาเมือง หรือจังหวัดไปสู่การเป็นเมือง หรือจังหวัดที่ผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์อย่างจริงจัง โดยทำกันทั้งพื้นที่ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมระดับพื้นที่ แนวคิดนี้ขยายไปสู่พลังงานอื่นๆ เช่น พลังงานลมอีกด้วย
นอกจากการแชร์รถยนต์ และพลังงานไฟฟ้าแล้ว ในย่านนอร์ดิก ยังมีการพัฒนาแนวคิดกรีนไปถึงขั้นของการแชร์และแบ่งปันเครื่องปรับอากาศ เพื่อให้ความเย็นและความอบอุ่นระหว่างอาคาร ไม่ใช่ต่างคนต่างแยกบริหารจัดการอย่างในอดีต เพื่อให้สามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้จริง และสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายที่เป็นการใช้เครื่องปรับอากาศได้
นอกจากนั้น ระบบการแชร์ยังขยายออกไปถึงแบตเตอรี่ที่ใช้ในรถยนต์ไฟฟ้า ที่บริษัทนิสสันและหลายบริษัท เริ่มนำมาให้บริการแล้ว เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนจากรถยนต์ที่ใช้น้ำมันและแก๊ส สู่การใช้พลังงานสะอาดอย่างรวดเร็ว และมีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างเพียงพอ
ระบบของการแชร์สินค้าให้เกิดใช้ประโยชน์สูงสุด ลดจำนวนโดยรวมลงจากที่ไม่เกิดการใช้ประโยชน์เต็มที่ ทำกันอย่างเป็นวงกว้างระดับประเทศ หรือเกือบทั้งประเทศนี้ พัฒนาจากต้นแบบของประเทศในสแกนดิเนเวียและนอร์ดิก และพบว่าผลกระทบของการบริหารจัดการต่อสิ่งแวดล้อมดีขึ้นมาก พร้อมกับทำรายได้จากค่าเช่าให้กับเจ้าของทรัพย์สินนั้น และสร้างธุรกิจบริการแบบแชริ่งขึ้นมาใหม่ พร้อมทั้งเป็นการดำเนินงานที่เน้นการบริหารจัดการโดยไม่ได้ต่อต้านกระแสของทุนนิยมแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม แนวคิดนี้ยังไม่ถึงกับเปลี่ยนประเทศได้ทั้งประเทศ และอาจจะยากที่จะนำมาใช้กับประเทศในเอเชีย หรือแม้แต่ในประเทศไทย เพราะมีบางคนที่เห็นว่าการบริหารจัดการแบบนี้เป็นแนวคิดที่มุ่งการบังคับใจมากกว่าการเน้นความสมัครใจ ซึ่งหลายคนไม่ต้องการให้ใครมาบอกต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้กับทรัพย์สินของตน กับพฤติกรรมของตนให้เป็นแบบเดียวกับคนอื่นๆ