เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ได้รับการประเมิน และได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิก DJSI ระดับโกลด์ โดยเป็นบริษัทลำดับ 4 ที่ได้ DJSI และบริษัทแรกที่เป็น Emerging Market ด้านผู้ผลิตน้ำมันและแก๊ส
ล่าสุดเมื่อ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา ไทยออยล์ได้รับการประกาศจาก RobecoSAM (ผู้ทำประเมินให้ DJSI) ให้เป็นผู้นำด้านความยั่งยืนในกลุ่มธุรกิจน้ำมันและแก๊สระดับ Gold Class เป็นระดับสูงสุดของรางวัล Sustainability Award 2014 โดยมีคะแนนอยู่กลุ่มสูงสุด 1 % แรกของโลกในอุตสาหกรรม ส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นมากขึ้นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจนเป็นที่จับตามองจากกลุ่มนักลงทุนในระดับสากล
“การที่ไทยออยล์ได้รับการประเมิน และได้รับการคัดเลือกเป็นสมาชิกในกลุ่มดัชนี DJSI ในครั้งนี้เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความสามารถของเราในการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน ทั้งด้าน เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ซึ่ง เราได้ก้าวขึ้นไปอยู่ในจุดสูงสุด โดยที่เป้าหมาย เราอยากจะให้บริษัทมีความยั่งยืน อยู่ยาวนานเป็นร้อยปี” วีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กล่าว และว่า
ในการประเมินผลนั้น ทาง DJSI ใช้มาตรฐานเดียวกับบริษัทใหญ่ คะแนนออกมาถือว่าเทียบเคียงกันได้ จากผลการประเมินที่ออกมา ไทยออยล์ ทำธุรกิจบนมุมมองของความยั่งยืนมานานแล้ว ดังนั้นคะแนนที่ออกมาจึงค่อนข้างสูง เปอร์เซ็นต์ที่ได้รับถึงกว่า 90% เรียกว่าอยู่ในอันดับต้นๆ
ดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ ( Dow Jones Sustainability Indexes หรือ DJSI นั้นเป็นดัชนีที่ยอมรับมากที่สุดในโลกในขณะนี้ เมื่อไม่นานนี้ DJSI ต้องการขยายฐานของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ให้มารวมกัน เพื่อทำให้เกิดความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ เขาจึงได้ขยายฐานออกมาเป็น Emerging Market เป็นปีแรกโดยเชิญบริษัทในขนาดย่อมลงมาให้เข้ามาร่วมประเมินและวัดผล
คำว่าบริษัทขนาดย่อมนี้สำหรับประเทศไทยแล้วยังเป็นขนาดที่ใหญ่ในระดับต้นๆ ของประเทศไทย จึงเป็นจังหวะและโอกาสที่ดีสำหรับไทยออยล์เมื่อได้รับเชิญไปเข้าร่วมในการประเมินผล
ทั้งนี้ ไทยออยล์ เข้าประกวดในเรื่อง แก๊ส โดยได้ดำเนินการครบใน 3 ส่วนสำคัญ คือ เศรษฐกิจ-ได้เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สังคม-มีการดำเนินกิจกรรมต่อชุมชนอย่างเอื้ออาทรที่ก่อให้เกิดความยั่งยืน โดยเฉพาะพื้นที่ในบริเวณที่ดำเนินกิจการ และสิ่งแวดล้อม-สามารถทำได้ดีกว่าเป้าหมาย
“การเข้าร่วมกลุ่ม DJSI ที่น่าภูมิใจนี้ ต่อไปเรายิ่งต้องทำงานกันมากขึ้นเพื่อให้สามารถคงอยู่ในกลุ่มนี้ต่อไป เนื่องจากจะมีการประเมินและต่ออายุทุกปี และระหว่างปีถ้าทำไม่ดีเขาก็เอาออกได้เหมือนกัน”
วีรศักดิ์ กล่าวถึงประโยชน์ที่ได้รับ ว่าเป็นการยกระดับชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือจากนักลงทุนที่ต้องการให้บริษัทมีความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ ซึ่ง DJSI เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญ โดยเฉพาะสถาบันการเงินที่ลงทุนในหุ้น
“ขณะเดียวกัน หากว่าไทยออยล์จะระดมทุน อย่างกรณีเราไปออกหุ้นกู้ทั้งในและต่างประเทศ นักลงทุนหรือคนที่จะเข้ามาซื้อหุ้นกู้ของเรา ก็จะตัดสินใจซื้อเพราะได้เห็นว่าเราเป็นบริษัทที่ติดอยู่ในลำดับที่ DJSI จึงยอมรับ และทำให้ต้นทุนทางการเงินในการลงทุนลดลง ซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้ถือหุ้น”
นอกจากนั้น พอเราติดในกลุ่มนี้บริษัททั่วโลก โดยเฉพาะบริษัทที่จดในทะเบียนบริษัทหลักทรัพย์ เขาก็จะดูกันเหมือนกันว่าบริษัทไหนเป็นสมาชิกของ DJSI เวลาจะไปร่วมลงทุนกัน ร่วมกันทำธุรกิจเขาก็พยายามเลือกเหมือนกันว่าขอให้เป็นบริษัทที่ผ่านการประเมินตัวนี้ เขาก็จะมีความมั่นใจสูง เราก็จะสามารถเลือกร่วมลงทุนกับพาร์ทเนอร์ที่ดีๆ ได้
ในส่วนของพนักงานไทยออยล์เอง ก็เกิดความภาคภูมิใจ รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมทำงานกับบริษัทที่มีคุณภาพ เพราะฉะนั้น พวกเราเชื่อว่าด้วยชื่อเสียงตรงนี้ บริษัทของเราจะเป็นที่ดึงดูดของคนที่เก่ง ซึ่งมีความสามารถเข้ามาทำงานกับบริษัทที่มีความยั่งยืน และถ้าเราได้คนเก่ง คนดี คนที่มีความสามารถมาร่วมงาน ก็จะทำให้ความสามารถในการแข่งขันของบริษัทมากขึ้นซึ่งเป็นผลดีไปถึงตัวบริษัทและผู้ถือหุ้นด้วยเช่นกัน
